ละครหลังข่าว

*ภาวะตลาดหุ้นไทยยังคงสาละวนอยู่กับการขึ้นๆ ลงๆ แบบเอาแน่เอานอนไม่ได้จากย่ำอยู่ในแดนลบเผลอกะพริบตาสองทีดัชนีพลิกกลับมาบวก จุดที่หน้าตื่นเต้นเกิดขึ้นหลังจากดัชนีรูดลงไปแตะ 1,673.01 จุด แต่แล้วกลับถีบตัวขึ้นมายืนแดนบวกในการซื้อขายภาคบ่าย จนมาลงเอยที่ 1,692.58 จุด บวกไป 9.15 จุด หรือ 0.54% ด้วยมูลค่า 6.87 หมื่นล้านบาท สิ่งที่ใช้เป็นคำอธิบายน้ำเน่าเสียจนเหมือนละครหลังข่าว เป็นเรื่องของเม็ดเงินกองทุน LTF-RMF จากเจตนาทำราคาหุ้นให้ผลงานออกมาดูดียังไงล่ะเจ้าค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ภาวะตลาดหุ้นไทยยังคงสาละวนอยู่กับการขึ้นๆ ลงๆ แบบเอาแน่เอานอนไม่ได้จากย่ำอยู่ในแดนลบเผลอกะพริบตาสองทีดัชนีพลิกกลับมาบวก จุดที่หน้าตื่นเต้นเกิดขึ้นหลังจากดัชนีรูดลงไปแตะ 1,673.01 จุด แต่แล้วกลับถีบตัวขึ้นมายืนแดนบวกในการซื้อขายภาคบ่าย จนมาลงเอยที่ 1,692.58 จุด บวกไป 9.15 จุด หรือ 0.54% ด้วยมูลค่า 6.87 หมื่นล้านบาท สิ่งที่ใช้เป็นคำอธิบายน้ำเน่าเสียจนเหมือนละครหลังข่าว เป็นเรื่องของเม็ดเงินกองทุน LTF-RMF จากเจตนาทำราคาหุ้นให้ผลงานออกมาดูดียังไงล่ะเจ้าค่ะ

*ก่อนจะเชื่อนิทานหลอกเด็กจนเตลิดไปไหนต่อไหน เดี๊ยนขอโชว์ตัวเลขซื้อขายรายกลุ่มของฝั่งกองทุนตัวแสบเริ่มทำหน้าตาบอกบุญไม่รับ ล่าสุดเก็บหุ้นไทยเพียง 313.15 ล้านบาท ฟากฝรั่งตาน้ำข้าวถล่มขายหุ้นไทยไปอีก 3.27 พันล้านบาท ช็อตต่อไปที่อยากให้ติดตามอย่างใกล้ชิดเป็นเรื่องของเงินจากต่างชาติ เพราะอย่าลืมว่าหากปลายปีแล้วยังไม่เห็นเม็ดเงินไหลเข้าไทยนั่นแปลว่าหุ้นไทยไม่มีเสน่ห์น่ะซิเจ้าค่ะ

*เมื่อการเดินทางมาถึงจุดนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” คงต้องออกโรงดึงสติแฟนๆ ให้กลับมา หลังจากเคยย้ำจนน้ำลายแตกฟองว่าตลาดหุ้นต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานหากจะหวังให้ “มันนี่เกม” เป็นตัวชูโรงสักวันคงต้องกลับมาซดน้ำใบบัวบก เพราะอย่างที่รู้ๆ กันว่าพอได้ทุกอย่างตามเป้าที่วางเอาไว้ก็ถึงคราวสั่งเทกระจาดให้ราบเป็นหน้ากลอง เอาเป็นว่าการเตือนครั้งนี้รู้เอาไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหามนะเจ้าค่ะ

*ประเด็นนี้เห็นได้ชัดกับรายของ PICO หลังวิ่งแรงแซงโค้งไปแบบไม่กลัวหน้าแหก ก็ถึงคราวลงมานอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่ 5.80 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือ 2.52% ด้วยมูลค่า 1.63 ล้านบาท รูปแบบการขึ้นรอบนี้เป็นแค่สงครามวันเดียว หรืออีกนัยหนึ่งอาจเรียกได้ว่าลากไปให้เชือด แบบที่ “โมนิก้า” เตือนเอาไว้เป๊ะๆ เพราะของแบบนี้เขาวัดกันที่พื้นฐาน ถ้าไม่เชื่อน้องโมแล้วจะไปเชื่อใคร…อิอิ

*ส่วนหุ้นเล็ก HYDRO ดูเหมือนจะเป็นเมนูจานหลักสำหรับคนที่ชอบของแรงไปเสียแล้ว โดยเฉพาะอาการไล่ราคากันแบบเอาเป็นเอาตายจนหุ้นมาปิดที่ระดับ 2.12 บาท บวก 0.24 บาท หรือ 12.77% ด้วยมูลค่า 151.03 ล้านบาท งานนี้แม้ราคาจะล่อตาล่อใจขนาดไหน ก็อย่าลืมที่เดี๊ยนย้ำนักย้ำหนาไปว่าหุ้นตัวนี้ไม่ได้มีสตอรี่ดีเด่อะไร แถมพื้นฐานขาดทุนยับเยินไม่เปลี่ยน ใครทะเล่อทะล่าเข้าไปจะหาว่าไม่เตือน

*เทรนด์ดีสีไม่ตกต้องยกให้ TOA ผู้รวบรวมพลังลมปราณจัดการดันราคาหุ้นแค่วันเดียวฟื้นขึ้นมาปิดที่ 33 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 3.94% มูลค่า 1.4 พันล้านบาท แม้หลังเข้าเทรดในช่วงแรกจะออกอาการเป๋ไปเป๋มาอยู่เล็กน้อย แต่ด้วยความที่เป็นหุ้นขวัญใจขาเล็กขาใหญ่ต่อให้ต้องเผชิญภาวะตลาดผันผวนสักแค่ไหนก็ไม่มีอะไรให้กลัวเจ้าค่ะ

*แวะมาที่หุ้น ECF จบสตอรี่ขายหุ้น PP ให้ “Macquarie” ก็มี “กองทุนวรรณ” ควักเงิน 167.40 ล้านบาท เข้าเก็บหุ้น PP มาเสียบทันควัน ถึงได้เห็นการดันราคาหุ้นไปแบบสุดลิ่มทิ่มประตูล่าสุดทะยานขึ้นมาปิดที่ 7.50 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 5.63% ด้วยมูลค่า 127 ล้านบาท  เอาเป็นว่าช่วงมีข่าวดีมาหนุนพูดได้คำเดียวว่าน้ำขึ้นให้รีบตัก ถ้าพร้อมอยู่แล้วจะรออะไรล่ะจ๊ะ

*ปิดท้ายกันกับ PTTEP ได้เห็นการรูดลงมาอยู่ที่ 86.25 บาท ลบไป 4 บาท หรือ 4.43% ด้วยมูลค่า 5.14 พันล้านบาท หลังยกเลิก “มาเรียนา ออยล์ แซนด์” แต่ก่อนใครจะรีบกุลีกุจอเทขายแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ เดี๊ยนอยากให้ลองพิเคราะห์ดูสักนิดว่าบันทึกผลขาดทุนด้อยค่าครั้งนี้เป็นเพียงแค่นามธรรมเท่านั้น ในทางรูปธรรมแล้วพื้นฐานแทบไม่มีอะไรระแคะระคายผิว งานนี้ใครเดินเกมเป็นคงได้ของถูกช่วงนาทีทองไปแล้วล่ะจ้ะนายจ๋า

Back to top button