GPSC พุ่ง 4% โบรกฯอัพเป้าสู่ 60 บ. รับผลการดำเนินงานดีเกินคาด-โรงไฟฟ้าจ่อคิว COD เพียบ!

GPSC พุ่ง 4% โบรกฯอัพเป้าสู่ 60 บ. รับผลการดำเนินงานดีเกินคาด-โรงไฟฟ้าจ่อคิว COD เพียบ! โดยล่าสุด ณ เวลา 15.23 น. ราคาอยู่ที่ 58.50 บาท บวก 2.50 บาท หรือ 4.46% สูงสุดที่ 59 บาท ต่ำสุดที่ 56 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 553.24 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ล่าสุด ณ เวลา 15.23 น. อยู่ที่ 58.50 บาท บวก 2.50 บาท หรือ 4.46% สูงสุดที่ 59 บาท ต่ำสุดที่ 56 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 553.24 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นโดยรวมบวก 0.31% โดยราคาหุ้น GPSC ปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 18 พ.ค.58

ด้าน บล.ทิสโก้ แนะนำ “ซื้อ” GPSC ราคาเป้าหมาย 60 บาท/หุ้น จากเดิมที่ 45 บาท จากโครงการ SPP ที่เพิ่มขึ้น และ WACC ที่ลดลงเป็น 6% (ต้นทุนของหนี้ที่ 3%, Beta ที่ 0.8 เท่า จากโรงไฟฟ้าที่ COD ตามคาด) โดยมูลค่าที่เหมาะสมคิดเป็น PEG ที่ 1.2 เท่า อิงกลุ่มโรงไฟฟ้าในประเทศและภูมิภาคที่ 1.4 เท่า โดยราคาที่เพิ่มขึ้น 2 เท่าจาก IPO เนื่องจากการดำเนินงานที่ดีกว่าคาด และเชื่อว่าปัจจัยบวกตัวต่อไปของหุ้นคือ การทำตัวเก็บพลังงาน ซึ่งจะมีความชัดเจนมากขึ้นในอนาคต

ขณะที่ปรับประมาณการปี 2562 ขึ้น 11% และปรับขึ้น 5% ในปี 61-63 จากอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นของโครงการ SPP (602 MW) และ GPSC มีแผนในการเพิ่มอัตรากำไร ทำให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 6 ไตรมาส โดยคาดอัตรากำไรที่ 16.6% สำหรับปี 2560, 17.8% สำหรับปี 2561 และ 18.9% สำหรับปี 2562  นอกจากนี้ได้ปรับ Funding Cost ลงจากการออกตราสารหนี้ 5 พันล้านบาท โดยจ่ายดอกเบี้ยเพียง 2.2% และ 2.8% สำหรับรุ่นอายุ 4 ปี และ 7 ปีตามลำดับ

สำหรับโครงการ COD ตามกำหนดการและตัวเก็บพลังงานเป็นปัจจัยบวกต่อไปจากการประชุมร่วมกับ CEO ในประเด็น 1) GPSC จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ร่วมเป็นพันธมิตรกับ 24M อย่างไร (เป็นเพียงรายเดียวที่มีสิทธิ์ในการขายในประเทศไทย และ SEA) 2) IRPC Clean เฟสที่ 2 (คาดจะเริ่ม COD ในช่วงสิ้นปีมีอัตรากำไรที่สูง) และ 3) GPSC CUP-4 ขนาด 45MW (มีลูกค้ารอบรับการผลิตที่เพิ่มขึ้นแล้ว)

นอกจากนี้โรงไฟฟ้า IRPC Clean Phase ที่ 2 (99MW), โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่นขนาด 20MW ที่จะเริ่ม COD ในช่วงไตรมาส 4/60 เป็นปัจจัยที่จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้น 36% เป็น 2.9 หมื่นล้านบาทในปี 2561 และอีก 45MW ในไตรมาส 4/61 จะทำให้รายได้โต 9% เป็น 3.2 หมื่นล้านบาทในปี 2562 และการ COD ของโครงการไซยะบุรีในเดือน ต.ค. 2562 จะทำให้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 98% เป็น 1.6 พันล้านบาทในปี 2563

 

 

Back to top button