เคาะ 15 หุ้นเด็ด SET ลุ้นปรับขึ้น เริ่มเก็งกำไรงบ บจ.Q3

ดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้มีแนวโน้มผันผวน อย่างไรก็ตามยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ รวมถึงเชื่อว่าจะมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3 ช่วยหนุนดัชนี การลงทุนเน้นกลุ่มที่แนวโน้มกำไรในครึ่งปีหลังดี รวมถึงกลุ่มที่ได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.35 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.15 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืน โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาบ้านและความเชื่อมั่นผู้บริโภค

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้มีแนวโน้มผันผวน อย่างไรก็ตามยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ รวมถึงเชื่อว่าจะมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3 ช่วยหนุนดัชนี การลงทุนเน้นกลุ่มที่แนวโน้มกำไรในครึ่งปีหลังดี รวมถึงกลุ่มที่ได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ หุ้นเด่นเลือก  CPALL, ROBINS, BJC, TNP, KBANK, TMB, TISCO, KKP, PTT, ESSO, BANPU, BEAUTY, HMPRO, AOT และ MINT

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (1 พ.ย.) มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น ในทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกกันเช่นเดียวกับดาวโจนส์ เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นต่อเนื่องด้วย และคาดว่าจะมีการเล่นเก็งผลประกอบการงวดไตรมาส 3/60 ของบริษัทจดทะเบียน

นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์กันว่านายเจอโรม พาวเวล จะได้เป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ ซึ่งน่าจะทำให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช้า และเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็คงจะอ่อนค่าลง ขณะที่เงินบาทจะแข็งค่าขึ้น ซึ่งก็จะทำให้แรงขายน้อยลง เพราะนักลงทุนก็จะไม่มีความเสี่ยงในด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราด้วย ซึ่งก็จะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย

อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นให้ติดตามการประชุมเฟดในวันที่ 31 ต.ค. – 1 พ.ย.นี้ ซึ่งการประชุมครั้งนี้คงจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่คาดว่าจะไปปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.นี้ ดังนั้นช่วงนี้เงินดอลลาร์สหรัฐฯก็จะอ่อนค่า และเงินบาทก็คงจะแข็งค่าขึ้น เนื่องจากจะมีสภาพคล่องเข้ามาในตลาดฯ พร้อมแนวรับ 1,717 จุด ส่วนแนวต้าน 1,730 จุด

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (1 พ.ย.) แม้อาจมีการแกว่งตัวระหว่างวันแต่มองเป็นโอกาส “ซื้อ” หุ้นเข้าพอร์ตคงเป้าหมายระยะสัปดาห์ 1,740 – 1,760 จุด ต่อไป ล่าสุด ธปท.คาด GDP 3Q17 เร่งตัวมากกว่า 4% ขณะที่มาตรการกระตุ้นการบริโภค และนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวเด่น y-y จะหนุนเศรษฐกิจ 4Q17 ต่อเนื่อง ขณะที่เศรษฐกิจเดือน ก.ย.ส่งสัญญาณ “ฟื้นตัว” ต่อในเกือบทุกส่วนการบริโภค +2.8% y-y การผลิตอุตสาหกรรม +4.2% y-y การลงทุน +0.9%y-y นักท่องเที่ยว +5.7% y-y ส่งออก +13.4% y-y

ชอบ 1) กลุ่มธนาคาร ที่ส่งสัญญาณ “บวก” ต่อแนวโน้มการตั้งสำรองที่ลดลงในปีหน้า โดยการตั้งสำรองในปัจจุบันมีความเพียงพอต่อมาตรฐานบัญชี IFRS9 แนะนำ “ซื้อ” KBANK  TMB TISCO และ KKP 2) กลุ่มพลังงาน – โรงกลั่น ราคาน้ำมันดิบ Brent ทำจุดสูงสุดตั้งแต่กลางปี 2015 ชอบ PTT ESSO (ล้างขาดทุนสะสมหมดใน 3Q17) และ BANPU 3) กลุ่มค้าปลีก และโรงแรม คาดกำลังซื้อฟื้นตัวปลายปี นายกฯส่งสัญญาณออกมาตรการกระตุ้นบริโภคปลายปี และ ธุรกิจท่องเที่ยวเข้าสู่ช่วง High Season ชอบ CPALL BEAUTY HMPRO  ROBINS AOT (TradeCode มองทะลุแนวต้านรูปแบบ Bullish Flag มีจังหวะขึ้นไปที่ 61/63 บาท) MINT

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (1 พ.ย.) ประเมินดัชนี SET แกว่งตัวในกรอบ 1,700 – 1,730 จุด แนะนำเก็งกำไรหุ้นกลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, ROBINS, BJC, TNP (+ คาดรัฐบาลออกมาตรการช็อปช่วยชาติ)

Back to top button