หุ้น FLOYD และ TITLE
FLOYD ก็คือ บมจ.ฟลอยด์
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
FLOYD ก็คือ บมจ.ฟลอยด์
และ TITLE คือ บมจ.ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้
ฟลอยด์ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ไปแล้วเมื่อวานนี้
ส่วนร่มโพธิ์ฯจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai วันนี้ (2 พ.ย.)
หุ้นทั้ง 2 บริษัทมีบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น
ฟลอยด์ เป็นหุ้นตัวแรกที่ บล.เออีซี ทำหน้าที่ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน
และ TITLE เป็นลูกค้ารายที่สอง
การเข้าซื้อขายในตลาด mai ของฟลอยด์เมื่อวานนี้ถือว่าประสบความสำเร็จดี
ราคาเปิดตลาด 6.45 บาท เพิ่มขึ้น 3.65 บาท หรือ +130.36% จากราคาขาย IPO ที่ 2.80 บาท ต่อหุ้น
ระหว่างวันราคาขึ้นไปสูงสุด 7.35 บาท
และราคาลงมาต่ำสุด 4.24 บาท และมาปิดที่ระดับ 4.34 บาท บวกขึ้นมา 1.54 บาท +55.00% จากไอพีโอ
ถือว่า “สอบผ่าน” สำหรับหุ้นไอพีโอตัวแรกของ บล.เออีซี ที่มีบรรดาจอมยุทธ์ในวงการตลาดหุ้นอยู่กันหลายคน
ฟลอยด์เป็นบริษัทบริการรับเหมาติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล หรือที่รวมเรียกว่า MEP (Mechanical, Electrical and Plumbing Engineering)
หรือว่ารูปแบบธุรกิจของเขานั้นใกล้เคียงกับ PLE
อย่างที่รับทราบกันไปแล้ว
ฟลอยด์ขายหุ้นไอพีโอเพียง 90 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 2.80 บาท
ดีดลูกคิดออกมา ระดมทุนได้ 252 ล้านบาท
จำนวนหุ้นและราคาที่ออกมาแบบนี้ “ไม่ถือว่าหนัก” อะไร
ประเด็นที่น่าในใจคือ P/E ratio ณ ราคาไอพีโอ ที่ บล.เออีซี เคาะออกมาอยู่เพียง 13.33 เท่า เท่านั้น
ราคาแบบนี้ และ พี/อี แบบนี้ รายย่อยชอบครับ เพราะมีส่วนลดหรือช่องให้เข้ามาเล่นในวันแรกได้
และทำให้มูลค่าการซื้อขายวานนี้มากถึง 1,655 ล้านบาท และมีจำนวนหุ้นที่เข้ามาซื้อขายกว่า 316.5 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 3 รอบครึ่งของหุ้นไอพีโอ 90 ล้านหุ้น
มาที่หุ้นร่มโพธิ์ หรือ TITLE กัน
บล.เออีซี กำหนดราคาไอพีโอไว้ที่ 2.20 บาท จำนวน 112.80 ล้านหุ้น และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อกรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานบริษัท 7.20 ล้านหุ้น
มูลค่าระดมทุนรวม 264 ล้านบาท
เงินที่ได้รับมานำไปลงทุนต่อครับ ไม่ได้มีการไปชำระหรือจ่ายคืนหนี้
ประเด็นที่น่าสนใจอีกคือ อัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E ratio) ของ TITLE อยู่ที่ 13.75 เท่า คำนวณจากผลกำไรสุทธิ 4 ไตรมาสที่ผ่านมา (ไตรมาส 3/2559 ถึงไตรมาส 2/2560) หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมด
พี/อี ระดับนี้ถือว่าไม่สูงเช่นเดียวกับหุ้นฟลอยด์
TITLE ทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย
คอนโดมิเนียมที่เขาทำ เช่น The Title ตั้งอยู่หาดราไวย์ และหาดในยาง จ.ภูเก็ต
ปัจจุบันมีโครงการที่พัฒนาแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างขายจำนวน 3 โครงการ
มูลค่ารวมตกราวๆ 2,167 ล้านบาท
และยังมีโครงการอยู่ระหว่างพัฒนาจำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 1,295 ล้านบาท
กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นต่างประเทศ(80%) ที่เหลือเป็นกลุ่มลูกค้าคนไทย
ผลประกอบการของร่มโพธิ์ฯ ของไตรมาส 2/60 และช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ ปรับลดลงเหมือนกับหุ้นฟลอยด์
แต่หุ้นไอพีโอที่เทรดวันแรก นักลงทุนไม่ค่อยดูตัวเลขตรงนี้ซักเท่าไหร่ หากไม่ได้ปรับขึ้นหรือลดลงมากแบบมีนัยสำคัญ
TITLE มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มหุตะจูฑะ 64.65% นายศศิพงษ์ ปิ่นแก้ว 3.85% และบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI 2.50%
ที่สะดุดตา คือ BKI ถือหุ้นอันดับ 3 นี่แหละ
หุ้นส่วนใหญ่ที่ BKI พื้นฐานแน่นเปรี๊ยะทุกตัว และมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ดี
ราคาหุ้นไอพีโอ TITLE ที่ถูกวางไว้ 2.20 บาท หรือที่เรียกกันว่าหุ้นต่ำกว่า 5 บาท หรือ 10 บาท นักลงทุนดูเหมือนจะชื่นชอบกันเป็นพิเศษ
มักจะซัดกันเต็มเหนี่ยวในวันแรก