เปิดตัว 15 หุ้นเด็ด SET สัปดาห์นี้รีบาวด์!

ดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้มีโอกาสดีดตัวกลับขึ้นไปได้หลังแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศเป็นบวก ขณะที่แรงขายจากต่างชาติมีแนวโน้มลดลง การลงทุนเน้นกลุ่มที่ได้รับผลดีจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.45 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.33 บาทต่อเหรียญ ด้านตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวน ขณะที่นักลงทุนจับตาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ในภารกิจเดินทางเยือนประเทศในเอเชียอย่างเป็นทางการรวม 11 วัน ซึ่งถือเป็นกำหนดการเยือนเอเชียที่ยาวนานที่สุดในรอบ 25 ปีของประธานาธิบดีสหรัฐ

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้มีโอกาสดีดตัวกลับขึ้นไปได้หลังแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศเป็นบวก ขณะที่แรงขายจากต่างชาติมีแนวโน้มลดลง การลงทุนเน้นกลุ่มที่ได้รับผลดีจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก หุ้นเด่นเลือก STEC, ESSO, PTT, KBANK, TMB, TISCO, BEAUTY, HMPRO, CPN, CPALL, ROBINS, TNP, COM7, ERW และ MINT

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (6 ต.ค.) มีโอกาสดีดตัวกลับขึ้นไปได้ เป็นผลจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐส่วนใหญ่ออกมาเป็นบวก ขณะที่คาดแรงขายจากต่างชาติน่าจะลดลง ประกอบกับยังไม่มีปัจจัยลบเข้ามา โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามคือการที่รัฐบาลไทยจะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ ส่วนการซื้อขายในตลาดภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่เช้านี้เป็นบวกเล็กน้อย และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงรุนแรง พร้อมให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยที่ 1,690 – 1,725 จุด

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ต.ค.) ว่า การ “พักฐาน” ของ SET ไม่ได้ทำให้มุมมอง “บวก” ระยะกลาง – ยาวเปลี่ยน และมองเป็นโอกาส “ซื้อ” เป้าหมาย 1,740 – 1,760 จุด มอง 1) เศรษฐกิจเร่งตัวขึ้น 2) ดอกเบี้ยในประเทศต่ำนาน 3) สภาพคล่องสูงจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่อง 4) แรงซื้อ LTF ปลายปี 5) momentum ของการ upward revision ชอบกลุ่มธนาคาร (KBANK  TMB TISCO) กลุ่มค้าปลีก (BEAUTY HMPRO CPN) และโรงแรม (MINT)

ด้านราคาน้ำมันทำ New high หลังจำนวนแทนเจาะ (rig) ในสหรัฐฯ ลดลงจึงแนะนำ “ซื้อ” PTT และ ESSO รวมถึง 1) “ซื้อ” Consumption plays ชอบกลุ่มธนาคาร ค้าปลีก และโรงแรมอย่าง CPALL HMPRO (ซื้อเข้าพอร์ต Siam Senses) CPN BEAUTY MINT (High Season ธุรกิจท่องเที่ยว)

2) “ซื้อ” IVL (TP 55) นอกจากได้ผลดีราคาผลิตภัณฑ์สูง ความคืบหน้านโยบายลดภาษีของทรัมป์ ส่งผลดีต่อรายได้ที่มาจากธุรกิจในสหรัฐฯ ด้วย

3) “ซื้อ” STEC (TP 33) คาดเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวเนื่องกับ EEC) ขณะที่ Backlog สูง 1.07 แสนล้าน คิดเป็น 6 เท่า ของรายได้ปี 2016

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ต.ค.) วาง แนวรับดัชนีที่ 1,700 +/- จุด ยืนได้ถือพอร์ต แต่หากหลุดแนวรับแนะนำลดพอร์ตลง 20 % หุ้นแนะนำ คือ กลุ่มค้าปลีกและท่องเที่ยวรับมาตรการช็อปช่วยชาติ เช่น CPALL, ROBINS, TNP, COM7, ERW และ MINT

Back to top button