บลูชิพนำเกม

*ตลาดหุ้นไทยกลับมาทะยานขึ้น 10 จุด มาที่ระดับ 1,711.74 จุด บวกไป 10.27 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 5.35 หมื่นล้านบาท อัดแน่นด้วยแรงซื้อหุ้นบลูชิพ หลังจากสัปดาห์ก่อนมีแรงเทขายถล่มออกมาจนลงไปนอนหงายเก๋งกันหลายราย แรงซื้อในรอบนี้ “โมนิก้า” ถึงยังไม่ให้ความสำคัญอะไรมาก เพราะนอกจากจะไม่มีอะไรหวือหวาแล้วยังมองว่าเป็นเพียงแค่การเข้าไปเก็บของหลังราคาร่วงแรงยังไงล่ะเจ้าค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ตลาดหุ้นไทยกลับมาทะยานขึ้น 10 จุด มาที่ระดับ 1,711.74 จุด บวกไป 10.27 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 5.35 หมื่นล้านบาท อัดแน่นด้วยแรงซื้อหุ้นบลูชิพ หลังจากสัปดาห์ก่อนมีแรงเทขายถล่มออกมาจนลงไปนอนหงายเก๋งกันหลายราย แรงซื้อในรอบนี้ “โมนิก้า” ถึงยังไม่ให้ความสำคัญอะไรมาก เพราะนอกจากจะไม่มีอะไรหวือหวาแล้วยังมองว่าเป็นเพียงแค่การเข้าไปเก็บของหลังราคาร่วงแรงยังไงล่ะเจ้าค่ะ

*ถึงจุดนี้สิ่งที่ “โมนิก้า” อยากให้แฟนคลับจับตาคงเป็นการปรับตัวขึ้นอีกครั้งของดัชนี หากยังจำกันได้ดัชนีเคยไล่ระดับขึ้นมาด้วยแรงซื้อที่มีมาอย่างทะลักทะลวง แต่พอวิ่งเข้าใกล้แนวต้านสำคัญ 1,730 จุด เป็นต้องถูกแรงเทขายออกมาสกัดดาวรุ่งให้เห็นทุกที แถมด้วยบรรยากาศการลงทุนช่วงนี้มีปัจจัยกดดันมากพอสมควร อย่าลืมว่าหากปัจจัยพื้นฐานของบจ.ยังไม่แข็งพอ แรงส่งบจ.ขึ้นไปทะลุแนวต้านอาถรรพ์คงเป็นแค่แสงริบหรี่

*ปัจจัยหนุนที่ยังคงเป็นเหมือนแรงขับเคลื่อนดัชนีในช่วงนี้คงหนีไม่พ้นการเข้าเก็บหุ้นของกองทุน พ่วงด้วยการประโคมข่าวมาตรการ “ช้อปช่วยชาติ” ที่แมงลือเม้าท์กันสนั่นว่าจะนำเสนอเข้า ครม.วันนี้ ประเด็นดังกล่าวถือเป็นส่วนซัพพอร์ตให้ดัชนีปรับตัวขึ้นแรงถึง 10 จุด ส่วนเรื่องของมาตรการนั้นจะแม่นหรือมั่ว “เดี๊ยน” ยังไม่อยากฟันธง แต่ที่แน่ๆ มีหุ้นหลายตัวถีบตัวขึ้นกันหน้าสลอนไปก่อนจะมีความชัดเจนแล้วล่ะเจ้าค่ะ

*เห็นได้ชัดจากรายของ HMPRO หลังโชว์ฟอร์มเทพทำผลงานในไตรมาส 3 ออกมาโดดเด่น จนบรรดาเหล่าเซียนชั้นนำต่างอัพประมาณการกำไรปีนี้กันยกใหญ่ ผสมกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ยิ่งหนุนนำราคาหุ้นวิ่งทะยานสูงขึ้นไปอีก ด้านเทคนิคยังเป็นขาขึ้นเต็มตัวหุ้นถึงขึ้นมาปิดที่ 13.10 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 6.50% มูลค่าซื้อขาย 530.83 ล้านบาทยังไงล่ะค่ะ

*เช่นเดียวกันกับ ROBINS ที่ขานรับมาตรการช้อปช่วยชาติอีกราย พ่วงด้วยข่าวผลประกอบการไตรมาส 3 ว่าจะออกมาดูดีไม่น้อยหน้าใคร หลังยอดขายโตจากสาขาที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมประเทศ ล่าสุดราคาหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 73.25 บาท บวกไป 3.25 บาท หรือขึ้นไป 4.64% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 303.62 ล้านบาท “โมนิก้า” ถึงต้องย้อนกลับมาดูผลงานปีก่อนๆ ถึงได้เข้าใจคำว่า “ของจริงไม่ต้องพูดเยอะ” นั่นล่ะเจ้าค่ะ….อิอิ

*ส่วนในรายของ DTAC หลังถูกแรงเทขายหนักหน่วงจากความวิตกจนเกินเหตุของนักลงทุนเรื่องประมูลคลื่น 900 MHz/1800 MHz ฉุดหุ้นร่วงระนาวยาวไป 4 วันติด วานนี้ได้เห็นหุ้นรีบาวด์ขึ้นมาปิดที่ 48 บาท บวกไป 3.25 บาท หรือเด้งไป 7.26% ด้วยมูลค่า 1.21 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเกมที่น่าติดตามเพราะที่เห็นยังเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ส่วนของจริงยังต้องรอไปจนถึงกลางปีหน้านู้นล่ะเจ้าค่ะ

*อีกธุรกิจฮอตฮิตติดลมบน คงหนีไม่พ้นกลุ่มโรงแรม วานนี้ “โมนิก้า” ได้เห็นการถีบตัวขึ้นของหุ้น ERW ที่ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมาตั้งแต่ 4.84 บาท จนทะลุนิวไฮในรอบ 25 ปี แถมผู้รู้ยังอาศัยจังหวะหุ้นขาขึ้นออกมาการันตีผลงานว่าจะโดดเด่นตั้งแต่ไตรมาส 3 ยิงยาวไปจนถึงไตรมาส 4 รับไฮซีซั่น ราคาหุ้นถึงได้ลากยาวมาอยู่ที่ระดับ 7.60 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือ 4.83% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 96.47 ล้านบาทนั่นล่ะค่ะ

*ด้าน PTTEP วานนี้วอลุ่มแน่นเปรี๊ยะ ล่าสุดลากมาปิดที่ระดับ 91 บาท บวก 2.75 บาท หรือ 3.09% ด้วยมูลค่า 2.75 พันล้านบาท ถือเป็นการฉายภาพที่เดี๊ยนย้ำว่าหุ้นดีพื้นฐานแน่นเจอข่าวร้ายก็ไม่กระทบกระเทือน ถึงได้เห็นแรงซื้อกลับเข้ามาล้นหลาม และดูเหมือนว่าราคาหุ้นรอบนี้จะไปได้อีกไกลหลังเซียนหลายสำนักออกมาฟันธงว่าหุ้นยัง Laggards บวกกับงบไตรมาส 4 โดดเด่น งานนี้ถึงได้เห็นพวกกระต่ายตื่นตูมน้ำตาเช็ดหัวเข่าไปตามระเบียบ….อิอิ

*ปิดท้ายกันกับหุ้น RPC วิ่งขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตาในภาคการซื้อขายภาคบ่าย หลังแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯถึงการเซ็นสัญญาร่วมกันกับ ESSO เพื่อซื้อขายน้ำมัน พร้อมด้วยการเปลี่ยนมาใช้เครื่องหมายการค้า “เอสโซ่” แทนปั๊ม “เพียว” ดีลสำคัญนี้ถือเป็นการ “ค้นพบทางรอดใหม่” เพราะอย่างที่รู้กันว่าผลประกอบการบริษัทนับวันยิ่งแย่ แถมแบรนด์ปั๊มน้ำมันของตัวเองยิ่งนับวันยิ่งจะถูกลืมเข้าไปทุกที การหนีตายรอบนี้จึงมีความสำคัญที่อาจจะเป็นตัวพลิกธุรกิจ ถึงได้เห็นราคาหุ้นถึงได้กระชากมาปิดที่ 0.84 บาท บวกไป 0.15 บาท หรือ 21.74% ด้วยมูลค่า 128.26 ล้านบาท ยังไงล่ะเจ้าค่ะ

Back to top button