ไทยพาณิชย์

วานนี้ราคาหุ้นแบงก์ไทยพาณิชย์ หรือ SCB ปรับขึ้นมาค่อนข้างแรง ปิดตลาดบวกขึ้นมาได้ 2.50 บาท มาที่ 149 บาท


ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร

วานนี้ราคาหุ้นแบงก์ไทยพาณิชย์ หรือ SCB ปรับขึ้นมาค่อนข้างแรง

ปิดตลาดบวกขึ้นมาได้ 2.50 บาท มาที่ 149 บาท

ปัจจัยหลักมาจากเรื่องหุ้น PACE ที่ไทยพาณิชย์เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ เริ่มมีความชัดเจนขึ้น และหมดกังวลหนี้ก้อนนี้จะเป็นหนี้เสีย หรือ NPL ในอนาคตนั่นแหละ

ผ่านมาถึงวันนี้

หากดูราคาหุ้นของไทยพาณิชย์ที่ปิดเมื่อสิ้นปี 2559 ที่ระดับ 152.50 บาท

ล่าสุดมาอยู่ที่ 149 บาท ลดลง 2.29%

ถือเป็นหุ้นธนาคารตัวเดียว และเป็นหุ้นขนาดใหญ่ หรือบิ๊กแคปที่ราคาปรับลงจากสิ้นปีก่อนหน้านี้

ในปี 2560 ราคาหุ้นไทยพาณิชย์เคยขึ้นไปสูงสุด 165 บาท เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา

และลงต่ำสุดในช่วงวันที่ 10 สิงหาคม โดยลงมาปิดที่ 143 บาท

ราคาหุ้นของไทยพาณิชย์เริ่มปรับลงมาตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม โดยปรับ

ลงมาเรื่อยๆ ก่อนที่จะรีบาวด์ขึ้นมาได้ และปรับลงมาอีกครั้งในช่วงต้นเดือนตุลาคม

ปัจจัยกดดันราคาหุ้นของธนาคารหลักๆ มาจาก PACE เป็นหลักครับ

เท่าที่ทราบมาผู้บริหารของธนาคารและเพซฯ มีการนั่งคุยกันบ่อยมาก เกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหา

กระทั่งนำไปสู่ทางออกของปัญหาทั้งหมด และนั่นเป็นที่มาของดีลระหว่างแสนสิริ กับ PACE

มีการมองกันครับว่าวิธีการแบบนี้ PACE แทบไม่ได้อะไรเลย

และผู้ที่ได้ประโยชน์น่าจะเป็นเจ้าหนี้มากกว่า

แต่ก็อย่างว่าแหละ ผู้บริหาร หรือเจ้าของเพซฯ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นๆ จึงต้องยอมตัดแขน ตัดขา ขายทรัพย์สินออกไปบางส่วนเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้

ส่วนผู้ถือหุ้นเพซฯ เองก็น่าจะเป็นกลุ่มคนที่น่าสงสารสุด หากใครออกไม่ทัน

เพราะเพซฯ นั้น ในวันก่อนหน้านี้ เพิ่งจะมีข่าวดีว่าขายทรัพย์สินบางส่วนให้แสนสิริ จนดันราคาหุ้นขึ้นไปเกือบ 20%

แต่พอวันถัดมา ก็แจ้งเรื่องการเพิ่มทุนแบบ RO ในราคาหุ้น 0.50 บาท

ส่งผลให้หุ้น PACE วานนี้ร่วงลงมาเกือบฟลอร์

นักลงทุนหลายๆ คนที่พอจะรับทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว ออกกันไม่ทัน เพราะไม่คิดว่า PACE จะมีการประกาศเรื่องเพิ่มทุนแบบรวดเร็ว

จาก“ขึ้นสวรรค์” กลับกลายมาเป็น“ลงนรก” เพียงชั่วข้ามคืน

ไทยพาณิชย์ เอง หากดูจากคำแนะนำของโบรกฯ หลายๆ แห่ง ก็เริ่มมีมุมมองเชิงบวกขึ้น

แม้ว่าปัญหาเรื่องเพซฯ จะ(เกือบ)หมดไป

หรือเบาใจไป 2-3 เปลาะ

แต่ไทยพาณิชย์ก็กำลังถูกจับตากับปัญหาใหม่ของ Wind Energy Holding Co., Ltd. ที่ตนเองเป็นเจ้าหนี้อยู่

แต่หากลูกหนี้รายนี้สามารถนำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ปีหน้า

ก็เท่ากับว่าปัญหาของลูกหนี้รายใหญ่ 2 ราย ก็จะหมดไป

นักวิเคราะห์ยังมีมุมมองต่อไทยพาณิชย์อีกว่า อยู่ในช่วงของการทำทรานส์ฟอร์เมชั่น ซึ่งใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูงมาก

ธนาคารไทยพาณิชย์จะใช้เงินประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อโครงการเปลี่ยนแปลงระบบธนาคารสู่ “ดิจิทัล” ที่เริ่มมาตั้งแต่ไตรมาส 2/59

และวางแผนจะใช้เงินอีก 2 หมื่นล้านบาทระหว่างปี 2561 และ 2562

การใช้เงินลงทุนมากขนาดนี้ ทำให้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้อาจสูงกว่าที่มีการประเมินไว้

ทำให้โบรกฯ ส่วนใหญ่ปรับลดคาดการณ์กำไรของไทยพาณิชย์ลดลง

ทว่ากำไรที่ออกมา

ยังถือว่า เป็นธนาคารที่มีกำไรสุทธิสูงสุดอยู่

Back to top button