ค่าโง่รักชาติ

คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ดบริษัทแม่ของเหมืองทองอัครา ขอตั้งคณะอนุญาโตตุลาการ ตัดสินข้อพิพาทกับรัฐบาลไทย ภายใต้ความตกลง FTA ไทย-ออสเตรเลีย โดยระบุว่า ถูกสั่งระงับกิจการ “โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย”


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง  

คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ดบริษัทแม่ของเหมืองทองอัครา ขอตั้งคณะอนุญาโตตุลาการ ตัดสินข้อพิพาทกับรัฐบาลไทย ภายใต้ความตกลง FTA ไทย-ออสเตรเลีย โดยระบุว่า ถูกสั่งระงับกิจการ “โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย”

แหม่ พูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว ม.44 คือ “กฎหมาย” สั่งแล้วไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เพียงแต่ ม.44 มีอำนาจบังคับแค่คนไทย ไม่สามารถคุ้มครองประเทศไทยจากการเรียกค่าเสียหายตามสัญญาระหว่างประเทศ ซึ่งคราวนี้คิงส์เกตจะเรียก 1,400 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าตอนเจรจาขั้นต้น 2 เท่า

แน่ละ ในกระแสคนไทยหัวใจรักชาติ ปลุกสำนึกปกป้องผลประโยชน์ชาติ รู้สึกเป็นหน้าที่ ที่ต้องช่วยกันเถียงคอเป็นเอ็น ว่ารัฐบาลไทยไม่ผิด ไม่ต้องจ่าย “ค่าโง่”

นอกจากนี้ยังมีกระแสรักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อม สุขภาพประชาชน ฯลฯ ซึ่งพร้อมจะรุมเล่นงานคนที่มองตามหลักกฎหมายอย่างตรงไปตรงมาว่า เฮ้ย เราน่าจะเป็นฝ่าย “ผิด” หรือเป็นฝ่ายเสียเปรียบเยอะเลย

ไม่เสียเปรียบได้ไง ถ้าดูข้อต่อสู้ของเหมืองอัครา ว่ารัฐบาลไทย ซึ่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ลงไปศึกษาผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ในปี 57-58 ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า “โลหะหนักและสารหนูที่ตรวจพบในปริมาณที่สูงจนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนนั้น เกิดจากการทำเหมืองแร่ทองคำ”

ตามรายงานของคณะกรรมการ ผลการตรวจเลือดชาวบ้าน พบแมงกานีสและสารหนู ร่วมครึ่งหนึ่งของจำนวนที่สุ่มตัวอย่าง ทำไมยังว่าไม่สามารถพิสูจน์ได้ ก็เพราะเหมืองเปิดมาตั้งแต่ปี 2542 ในอดีตไม่เคยมีการตรวจเลือด ตรวจสิ่งแวดล้อม ฉะนั้นในทางกฎหมายจึงยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า สารอันตรายเกิดจากเหมือง ในทางกฎหมาย เหมืองยัง “ดิ้นได้” ว่าสารหนูมีอยู่ในกะปิ กุ้งแห้ง เช่นที่นักวิจัยเคยทดลองให้ชาวบ้านเลิกกินกะปิ กุ้งแห้ง สารหนูก็ลดลง

ถามว่าเหมืองทองน่าจะเป็นอันตรายไหม น่าจะเป็นสิครับ อย่างน้อยก็ไม่คุ้มเลยที่ให้เปิดใกล้ชุมชน ใกล้พื้นที่เกษตร แต่ในทางกฎหมาย ในทางวิทยาศาสตร์ เรายังไม่มีหลักฐานมัดว่า อันตรายมาจากเหมือง แม้แต่การตรวจคุณภาพน้ำ ซึ่งหลายมหาวิทยาลัยลงไปสุ่มตัวอย่าง ผลออกมาก็ไม่ตรงกัน คงต้องศึกษาวิจัยอีกระยะหนึ่งจึงมีหลักฐานเพียงพอ

ฉะนั้นเข้าใจตรงกันนะ รัฐบาล คสช. ตัดสินใจด้วยความห่วงใยผลกระทบสิ่งแวดล้อม สุขภาพประชาชน รวมทั้งคำนึงถึงผลประโยชน์ชาติ เพราะแร่ทองคำที่ได้มา เราได้ค่าภาคหลวงจากทองดิบ ที่ส่งออกไปสกัดนอกประเทศ แล้วเราต้องซื้อทอง 99.99% กลับมา ไม่คุ้มเลย

แต่ทั้งหมด ไม่ได้ลบล้างความจริงที่ว่า เราเสียเปรียบทางกฎหมายเต็มๆ โดยเฉพาะการตัดสินใจที่เห็นได้ว่ารัฐบาลก็พลิกไปพลิกมา ออกมติ ครม. 10 พ.ค. 59 แล้วกลับมาออกมติ 7 มิ.ย. 59 สุดท้ายก็ออก ม.44

ล่าสุด วิชา มหาคุณ ตีปี๊บว่า ป.ป.ช.กำลังไต่สวนข้อกล่าวหาคิงส์เกต ติดสินบนนักการเมืองและเจ้าหน้าที่แลกกับการอำนวยความสะดวกในการสำรวจและทำเหมืองทอง หากผลสอบออกมาว่าติดสินบนจริง คิงส์เกตจะทั้งติดคุกและถูกรัฐบาลไทยฟ้องเรียกค่าเสียหายได้อีกต่างหาก

ฟังแล้วฮากลิ้ง แต่คงถูกหาว่าไม่รักชาติ ถามหน่อยสิ ถ้าเอาผิดได้จริง ทำไมไม่รอป.ป.ช.ส่งฟ้อง ดำเนินคดี แล้วค่อยถอนสัมปทาน การใช้ ม.44 ถอนสัมปทานก่อนแล้วเอาข้อหาทุจริตติดสินบนมาโยนใส่ทีหลัง ฟังไม่ขึ้นหรอก ซ้ำยิ่งเสียเครดิตต่อนักลงทุนต่างชาติ

ยอมรับความจริงเถอะว่า การใช้ ม.44 ลัดขั้นตอน แม้เจตนาดี แต่ก็เสียเปรียบทางกฎหมาย อย่าตะแบงปกป้องด้วยความรักชาติรักสิ่งแวดล้อมอยู่เลย

Back to top button