หมอดู กับ ดัชนีหุ้นพลวัต2015

ตลาดหุ้นไทยยามที่มูลค่าซื้อขายเบาบางต่ำกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท และดัชนีต่ำกว่า 1,500 จุด ค่อนข้างวังเวงเหมือนบรรยากาศในกวีนิราศเก่าอังกฤษElegy Writen in a Country Churchyard ของ Thormas Gray ช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 ที่พระยาอุปกิตศิลปสาร ได้ประพันธ์เป็นกลอนดอกสร้อย 33 บท “รำพึงในป่าช้า” จากต้นฉบับแปลของเสฐียรโกเศศ ซึ่งนักเรียนมัธยมสมัยสี่สิบปีก่อนรู้จักกันดีเพราะต้องท่องไปสอบวิชาภาษาไทย


ตลาดหุ้นไทยยามที่มูลค่าซื้อขายเบาบางต่ำกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท และดัชนีต่ำกว่า 1,500 จุด ค่อนข้างวังเวงเหมือนบรรยากาศในกวีนิราศเก่าอังกฤษElegy Writen in a Country Churchyard  ของ Thormas Gray  ช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 ที่พระยาอุปกิตศิลปสาร ได้ประพันธ์เป็นกลอนดอกสร้อย 33 บท “รำพึงในป่าช้า” จากต้นฉบับแปลของเสฐียรโกเศศ ซึ่งนักเรียนมัธยมสมัยสี่สิบปีก่อนรู้จักกันดีเพราะต้องท่องไปสอบวิชาภาษาไทย

บรรยากาศอย่างนี้ ได้จังหวะดีกับเรื่อง ”ไม่เป็นวิทยาศาสตร์” ที่แทรกมาพอดีอย่างกรณี 2 หมอดูชื่อดัง ซึ่งชอบดูเหตุการณ์ร้ายๆ ออกมาทำนายว่าจะมีพิบัติภัยในประเทศไทยนับแต่วันที่ 16 พฤษภาคมนี้ จนถึงเดือนกรกฎาคม รุนแรงยิ่ง

ใครๆ ก็ต้องอยากรู้เป็นธรรมดา เข้าล็อกของหมอดูทั้ง 2 คน เพราะสังคมไทยเชื่อหมอดูเป็นบ้าเป็นหลังคนสมัครตัวเป็นสาวกของหมอดูชื่อดังกันโดยเฉพาะคนที่ว้าเหว่ไร้ที่พึ่งทางใจ และห่างเหินจากประชาชน

ผู้นำที่ว้าเหว่ของโลกในประวัติศาสตร์ ล้วนเคยมีชื่อคลั่งหมอดู โดยเฉพาะผู้นำเผด็จการ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด รวมทั้งคนใหญ่คนโตไทยทุกยุค ที่ล้วนคลั่งหรือพึ่งพาหมอดูเป็นสรณะ

ความจริงแล้ว ศาสตร์ของหมอดู ก็เช่นเดียวกันกับศาสตร์วิเคราะห์หุ้น เศรษฐศาสตร์ หรือสถิติศาสตร์ทั้งหลายนั่นแหละ คือ คนที่ประมวลข้อมูลในอดีต มาสร้างเป็นแบบแผนความคิด เพื่อคาดเดาแนวโน้มในอนาคต ซึ่งทางปรัชญาเรียกว่า กับดักของพลาโต้” (Plato’s Trap) แต่หมอดูพิเศษกว่าตรงที่ คำทำนายของหมอดูพิสูจน์ถูก-ผิดไม่ได้เลย

นายโสรัจจะ นวลอยู่  บอกว่า จากนี้ไปดาว 3 ดวง ดาวเสาร์ ดาวราหูโคจร และดาวมฤตยูที่อยู่ในราศีอื่นๆ จะโคจรเข้ามาอยู่ในราศีเมษ พร้อมกันวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ เป็นมุมสามเหลี่ยมหักศอกกัน เป็นสัญญาณที่ไม่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อตั้งประเทศไทย โดยเกิดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศเริ่มจากทางเหนือก่อนไล่ลงไปใต้ กระทบหลายเรื่อง โดยเฉพาะภัยพิบัติ โดยมีดาวอาทิตย์อีกหนึ่งดวงที่เป็นตัวเร่ง

คาดจากนี้ไป จนถึง 12 ก.ค. มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มากชนิดที่ไม่เคยเกิดมาก่อน โดยเกิดขึ้นพร้อมๆ กันทั่วประเทศ โดยจุดศูนย์กลางเกิดในประเทศ อาจเกิดทางภาคเหนือ จากนั้นจะมีอาฟเตอร์ช็อกมาเรื่อยๆ ไล่ลงไปยังตอนล่าง

นายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหรนานาชาติ แบ่งเรื่องพิบัติภัย เป็น 2 หลักใหญ่ คือ การเกิดอุปราคา และการเข้ามุมของดาวมฤตยูและดาวพฤหัสบดี เมื่อทำมุมสัมพันธ์กันอยู่ในนวางค์ขาด หรือแนวโคจรของดวงดาวในตำแหน่งที่เป็นโทษ โดยมีดาวพฤหัสบดีทำมุมตรีโกณอยู่ตรงราศีกรกฎ ซึ่งเป็นราศีธาตุน้ำ จะนำมาซึ่งอุบัติภัยธรรมชาติเกี่ยวกับน้ำ ธรณีพิบัติ รวมไปถึงไฟด้วย ส่วนความรุนแรงก็จะชัดเจน แต่มั่นใจว่าไม่ถึงขนาดแผ่นดินทางภาคใต้หรือแหลมมลายูจะหายไป

แรงส่งของหมอดูทั้งสอง ทำให้มีการต่อยอดตามมาโดยอ้างถึงอาเพศต่างๆ อาทิ แผ่นดินไหวที่เกาะยาว หรือเชียงราย และลูกเห็บตกที่ทำเนียบรัฐบาล  ดังเช่น นายชูศักดิ์ จงธนะพิพัฒน์เจ้าของลิขิตฟ้า ชะตะโลก”ระบุว่า เกิดอังคารยกเข้าพฤหัสฯ ในวันที่ 4 พฤษภาคม และยกเข้าเมถุนในวันที่ 16 มิถุนายนอังคารจะปะทะเสาร์มีความเป็นไปได้สูงที่ปัญหาเศรษฐกิจซึ่งถูกกลบเกลื่อนไว้จะปะทุลุกลามเป็นวิกฤตศรัทธา และกลายเป็นระเบิดลูกใหญ่ทางการเมือง

พ.ต.อ.อรรถวิโรจน์ ศรีตุลา ระบุว่า หลังวันที่ 16 พฤษภาคม จะชัดเจนขึ้นว่าจะออกมาในทิศทางใด และช่วงหลังวันที่ 12 กรกฎาคม เป็นช่วงที่ดาวมฤตยูเคลื่อนไปอยู่ราศีเมษ เป็นช่วงที่ทั่วโลกต้องระวังจนถึงเดือนกันยายน

หากใช้จินตนาการตรองดู จะเห็นว่าช่างคล้ายกับบรรยากาศใน “เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธา” ไม่มีผิด ทำให้โฆษกรัฐบาลถึงขั้นต้องออกมาเตือนว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่ต้องใช้ดุลยพินิจถึงผลกระทบต่อส่วนรวมด้วย เพราะอาจทำให้เกิดการตื่นตระหนกและความหวาดกลัวได้ ซึ่งไม่มีผล เพราะว่าคนเชื่อมีมากกว่าไม่เชื่อ

เนื่องจากไม่มีกฎหมายใดในเมืองไทย ห้ามหมอดูเชื่อมโยงการทำนายเข้ากับอนาคตของบ้านเมือง อาชีพหมอดูที่ชอบโยงกับการเมืองก็เลยรุ่งเรือง ตรงกันข้ามกับที่อังกฤษที่มีกฎหมายห้ามหมอดูพูดโยงเข้ากับการเมืองหรือบ้านเมือง หลังจากที่ วิลเลี่ยม ลิลลี่ แห่งลอนดอน ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นยุคปั่นป่วนสุดของการเมืองอังกฤษ ตีพิมพ์หนังสือทำนายว่า จะมีการตัดหัวกษัตริย์อังกฤษ และไฟจะลุกไหม้ท่วมเมืองลอนดอน ก่อนเกิดเหตุการณ์จริง 14-16 ปี ปรากฏว่าเหตุการณ์ทั้งสองเกิดขึ้นจริง

ลิลลี่อ้างว่า เขาได้รับสัญญาณจากดวงดาวซึ่งมีแต่ผู้ทรงปัญญาเท่านั้นจะเข้าถึงได้ ทำให้นับแต่นั้นมา รัฐสภาอังกฤษได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า อาชีพหมอดูเป็นอาชีพไร้สาระ ไม่น่าเชื่อถือ และห้ามพยากรณ์เรื่องเกี่ยวกับบ้านเมือง เพราะถือเป็นแค่อาชีพ ”ที่ปรึกษาทางจิต” จนมีจารีตว่า นักการเมืองหรือผู้บริหารธุรกิจคนไหนมีที่ปรึกษาเป็นหมอดู จะไม่น่าเชื่อถือ และขาดคุณสมบัติของผู้นำ

อิทธิพลและความโด่งดังของหมอดูในสังคมไทยนั้น ฝังรากลึกในทุกวงการ ดังนั้น หากนับแต่นี้ไป หากดัชนีตลาดหุ้นไทยจะตกหนักชนิดเลวร้ายสุดๆ ก็คงต้องยอมรับว่า หมอดูไทยนั้น เก่งกว่านักวิเคราะห์หุ้นหลายเท่า สมควรเผาตำราวิเคราะห์หุ้นทิ้งให้หมด แล้วพึ่งหมอดูแทน

แล้วก็แต่งตั้งหมอดูคนหนึ่งนั่งเป็นกรรมการตลาด หรือ กรรมการ ก.ล.ต. เสียเลย 

Back to top button