PTG กางแผนขยายปั๊มน้ำมันเพิ่มเป็น 2,000 แห่ง ตั้งเป้าปี 61 รายได้ทะลุ 1 แสนลบ.
PTG กางแผนขยายปั๊มน้ำมันเพิ่มเป็น 2,000 แห่ง จากเดิม 1,700 แห่ง ตั้งเป้าปี 61 รายได้ทะลุ 1 แสนลบ. เผยอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อการ-ร่วมลงทุนธุรกิจอาหารและบริการ 2-3 ดีล มูลค่าราว 200 ล้านบาท/ดีล คาดเห็นความชัดเจน Q1/61
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 61 ทะลุ 1 แสนล้านบาท ตามปริมาณการขายที่คาดว่าจะเติบโต 20% จากระดับ 3,400 ล้านลิตรในปีนี้ โดยมีแผนจะขยายสถานีบริการน้ำมันเป็น 2,000 แห่ง จากปีนี้ที่กว่า 1,700 แห่ง และมีจำนวนสมาชิกบัตร PT Max Card เพิ่มเป็น 9.6 ล้านสมาชิก จากระดับ 7.4 ล้านสมาชิกในปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนในปีหน้าราว 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็น การลงทุนขยายและปรับปรุงธุรกิจหลัก 3,500 ล้านบาท ,ธุรกิจ Non-oil ประมาณ 500 ล้านบาท และธุรกิจใหม่ 1,000 ล้านบาท เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มขององค์กรในระยะยาว โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการ (M&A) และร่วมลงทุน ในธุรกิจอาหารและบริการ 2-3 ดีล มูลค่าการลงทุนราว 200 ล้านบาท/ดีล ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในช่วงไตรมาส 1/61
สำหรับความร่วมมือกับ บริษัท สามมิตรมอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ในการเปิดศูนย์ซ่อมบำรุงรถบรรทุกครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย (PRO TRUCK) ซึ่งมีสาขาแรกตั้งอยู่ภายในสถานีบริการ PT สีคิ้ว จ.นครราชสีมา นั้นคาดว่า PRO TRUCK จะสามารถขยายสาขาได้ถึง 20 สาขาในสิ้นปี 61
รวมทั้งคาดว่าปี 65 จะเพิ่มขึ้นเป็น 100 สาขา ซึ่งใช้งบลงทุนสาขาละ 7-10 ล้านบาท ส่วนศูนย์ซ่อมบำรุงรถยนต์ทั่วไป (AUTOBACS) เตรียมเปิดสาขาเพิ่ม 48 สาขา และในปี 65 จะเพิ่มขึ้นเป็น 240 สาขา พร้อมกันนี้เตรียมขยายที่พักรถครบวงจร (PT MAX CAMP) 10 แห่ง แต่แผนระยะยาวต้องรอดูผลตอบรับก่อนว่าเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมที่จะเข้าลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าจากขยะ หลังจากที่รัฐบาลเริ่มให้ความชัดเจนมากขึ้น โดยบริษัทจะเริ่มลงทุนเพื่อเป็นโครงการตัวอย่างภายในพื้นที่ภาคใต้ กำลังการผลิต 4.9-6 เมกะวัตต์ (MW) โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี 61
ส่วนในปี 65 บริษัทยังคงมั่นใจว่าสัดส่วนกำไรสุทธิจากธุรกิจ non-oil จะเพิ่มขึ้นเป็น 60% จากปีนี่คาดจะอยู่ที่ 10% ซึ่งหลังจากสัดส่วนกำไรจากธุรกิจ non-oil เพิ่มขึ้น ก็คาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเบื้องต้นคาดจะอยู่ที่ราว 2.5-2.6% และหลังจากนั้นจะมีการเติบโตปีละ 0.2-0.3% จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.08%