สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 30 พ.ย. 60
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) โดยดาวโจนส์ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ขานรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ของสหรัฐที่ขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 ปี นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นเฟซบุ๊ก แอปเปิล และอัลฟาเบท ปิดตลาดในแดนลบถ้วหน้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,940.68 จุด พุ่งขึ้น 103.97 จุด หรือ +0.44% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,626.07 จุด ลดลง 0.97 จุด หรือ -0.04% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,824.39 จุด ลดลง 87.97 จุด หรือ -1.27%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ว่าที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณผ่อนคลายกฎระเบียบในตลาดการเงิน
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 388.04 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,398.05 จุด เพิ่มขึ้น 7.57 จุด หรือ +0.14% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,061.87 จุด เพิ่มขึ้น 2.34 จุด หรือ +0.02% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,393.56 จุด ลดลง 67.09 จุด หรือ -0.90%
ตลาดุหุ้นลอนดอนปิดร่วงเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้น หลังจากมีรายงานว่าอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) ได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับวงเงินที่อังกฤษต้องจ่ายให้แก่ EU ก่อนที่จะแยกตัวอย่างเป็นทางการ (Brexit)
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 7,393.56 จุด ลดลง 67.09 จุด หรือ -0.90%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ขณะที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ที่ขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 ปี
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 13 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ระดับ 1,286.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 36.5 เซนต์ หรือ 2.17% ปิดที่ 16.457 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 11.6 ดอลลาร์ หรือ 1.22% ปิดที่ 941.2 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ดิ่งลง 12.15 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 1008.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่ารัสเซียจะให้การสนับสนุนการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันจนถึงสิ้นปีหน้าหรือไม่ ในการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก ซึ่งจะมีขึ้นในวันนี้ที่กรุงเวียนนา
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 69 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 57.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 50 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 63.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวผันผวน ในการซื้อขายที่ตลาดเงินนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) โดยดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ที่ขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 ปี อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ หลังจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือ “Beige Book” ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวเล็กน้อยจนถึงปานกลางในช่วงเดือนต.ค.จนถึงกลางเดือนพ.ย.
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.83 เยน จากระดับ 111.55 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9839 ฟรังก์ จากระดับ 0.9844 ฟรังก์
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์แตะที่ระดับ 1.1862 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1839 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3422 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3376 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7577 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7597 ดอลลาร์