สังคมข่าวหุ้น

ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,697.61 จุด ปรับลดลง 2.04  จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 3.9 หมื่นล้านบาท ขาเข้าซื้อสุทธิมีเพียงสถาบันที่ตะลุยเข้าเก็บไป 981 ล้านบาท ส่วนขาเทขายสุทธิเจอถล่มไป 3 ประสาน เริ่มจากบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 480 ล้านบาท ตามด้วยรายย่อย 325 ล้านบาท และต่างชาติ 175 ล้านบาท


นิวส์เวฟ

* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,697.61 จุด ปรับลดลง 2.04  จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 3.9 หมื่นล้านบาท

* ขาเข้าซื้อสุทธิมีเพียงสถาบันที่ตะลุยเข้าเก็บไป 981 ล้านบาท ส่วนขาเทขายสุทธิเจอถล่มไป 3 ประสาน เริ่มจากบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 480 ล้านบาท ตามด้วยรายย่อย 325 ล้านบาท และต่างชาติ 175 ล้านบาท

* วันนี้โฟกัสเป็นพิเศษไปที่ กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF หุ้นไอพีโอน้องใหม่รายล่าสุดที่มีกำหนดเข้าเทรดในวันนี้ สำหรับ GULF แม้จะเป็นหุ้นใหม่ แต่ในแง่ประสบการณ์ด้านธุรกิจไฟฟ้ามีเพียบมายาวนาน ดังนั้น ในแง่พื้นฐานบอกได้เลยว่าแข็งแกร่งแน่นปึ้ก ขอให้เชื่อมั่นและวางใจได้เลย สะท้อนได้จากฐานกำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกที่กวาดไปแล้วถึง  2,469 ล้านบาท โตขึ้นเกิน 300% จากปีก่อน

* ขณะเดียวกันในวันนี้ยังถือเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนหลายท่านซึ่งอาจจะพลาดช่วงเปิดจองไอพีโอหุ้น GULF ก็สามารถเข้ามาเก็บในกระดานกันได้แล้ว ใครกำลังมองหาหุ้นพื้นฐานดี ถือลงทุนได้สบายและมีศักยภาพเติบโตระยะยาว GULF เป็นตัวเลือกที่ดีแน่นอน

* หุ้นใหญ่ที่ดูดีน่าสนใจอีกรายเลือก PTTGC เพราะนับเป็นอีกหุ้นที่สามารถลงทุนยาวกันได้แบบข้ามปีเช่นกัน เนื่องจากทิศทางผลการดำเนินงานโดดเด่นอย่างมาก โดยงวดปี 2560 ล่าสุดเห็นประเมินมีโอกาสทำกำไรสุทธิเติบโตกันถึง 36,000 ล้านบาท จากแรงหนุนของฐานธุรกิจปิโตรเคมีที่แข็งแกร่ง และยังมีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาช่วยสนับสนุนต่อเนื่อง จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่โบรกพากันให้ราคาเป้าหมายไว้เหนือระดับ 100 บาท

* อีกจุดหนึ่งที่หลายคนอาจมองข้ามกันไป เพราะด้วยความที่เป็นหุ้นพลังงานเลยมักถูกเหมารวมว่า จ่ายปันผลไม่ดี ซึ่งในเคสของ PTTGC นี่กลับเป็นอีกหุ้นที่จ่ายปันผลดีเสมอ อย่างงวดครึ่งปีแรกที่ผ่านมาจ่ายไปแล้ว 1.75 บาท คิดเป็นดิวิเดนด์ยีลด์ตกประมาณ 2% ส่วนครึ่งปีหลังโบรกฯ คาดอาจมีลุ้นจ่ายกันได้เกือบ 2 บาท หลังจากผลการดำเนินงานออกมาดีต่อเนื่อง เท่ากับรวมทั้งปีจะให้ดิวิเดนด์ยีลด์ถึงระดับ 4% แล้วยังมีความเด่นในเชิงอัพไซด์ควบคู่ไปอีก

* หุ้น BIG ราคาหุ้นไหลลงกันมาอย่างต่อเนื่อง โดยในรอบ 8-9 วันทำการ ปรับตัวลงไปกว่า 12% ไปแล้ว จึงนับว่าเข้าเขตขายมากเกินไปและเป็นฐานราคาระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี แม้ช่วงที่ผ่านมาจะเจอปัจจัยลบกดดันไปหลายรอบ แต่ปัจจุบันสถานการณ์ธุรกิจกลับมาดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะงวดไตรมาส 4 ซึ่งเป็นไฮซีซั่นที่ผู้บริโภคมักนิยมใช้จ่ายสูงมาก และยังได้ผลดีจากโครงการช้อปช่วยชาติที่เพิ่งจบกันไปหมาดๆ

* ดังนั้น จะกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญให้กำลังซื้อไหลเข้ามาที่กลุ่มสินค้ากล้องของ BIG และผลักดันให้ฐานรายได้และกำไรสูงขึ้น อีกจุดหนึ่งที่ยังชอบในตัว BIG คือ ความสามารถในการสร้างอัตรากำไรสุทธิ อย่างงวด 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 525 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิมากกว่า 12% นับว่าหุ้นจากกลุ่มค้าปลีกมีศักยภาพในการสร้างอัตรากำไรสูงมาก และสะท้อนถึงอำนาจต่อรองในการจัดหาสินค้ามาขายได้เป็นอย่างดี ใครชอบสไตล์หุ้นผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว BIG น่าสนใจไม่เบาขอฝากไว้ให้พิจารณากันดู

* ปิดท้ายด้วยหุ้น RS ชอบในพื้นฐานและปัจจัยหนุนที่มีซ่อนอยู่ในตัวบริษัท โดยหนึ่งในแง่มุมที่ชอบ RS คือ การเดินหน้าพยายามหาธุรกิจใหม่มาเติมเต็มบริษัทอยู่เสมอ และที่สำคัญยังกล้าตัดสินใจเปลี่ยนแปลงธุรกิจอย่างรวดเร็วเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ สะท้อนได้จากหนึ่งในธุรกิจล่าสุดที่กล้าลองจนประสบความสำเร็จไปแล้ว คือ ธุรกิจความงามที่ปัจจุบันทำได้ดีจนผลักดันให้บริษัทโชว์กำไรโตระดับสูง

* หลายคนมองว่า เมื่อ RS ขยับตัวเข้ามาจุดนี้แล้วจะทิ้งธุรกิจต้นน้ำดั้งเดิมอย่างกลุ่มเพลงหรือไม่ ล่าสุด “เฮียฮ้อ” สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ก็ออกปากยืนยันแล้วว่า ไม่ทิ้งอย่างแน่นอน เพราะถือเป็นธุรกิจต้นน้ำที่ยังสามารถต่อยอดทำรายได้และมีอนาคตที่ดี ช่วงหลังวอลุ่มซื้อขายหุ้น RS เข้ามาหนาแน่นต่อเนื่อง สะท้อนถึงความสนใจของนักลงทุนเป็นอย่างดี ราคาเป้าหมายล่าสุดอยู่ที่ 30 บาท มีอัพไซด์ร่วม 26% เท่ากับมีช่องว่างให้ลุ้นรับกำไรกันได้อีกเพียบ

Back to top button