สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 8 ธ.ค. 60
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งช่วยหนุนหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเฟซบุ๊กและอัลฟาเบทพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า จำนวนคนว่างงานในสหรัฐลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐ รวมทั้งการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือชัตดาวน์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,211.48 จุด เพิ่มขึ้น 70.57 จุด หรือ +0.29% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,812.84 จุด เพิ่มขึ้น 36.47 จุด หรือ +0.54% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,636.98 จุด เพิ่มขึ้น 7.71 จุด หรือ +0.29%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) ขานรับรายงานของยูโรสแตทซึ่งระบุว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของกลุ่มยูโรโซนยังคงขยายตัวได้ดีในไตรมาส 3 อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของสกุลเงินปอนด์ได้ฉุดตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้น 0.03% ปิดที่ 386.42 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,045.15 จุด เพิ่มขึ้น 46.30 จุด หรือ +0.36% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,383.86 จุด เพิ่มขึ้น 9.51 จุด หรือ +0.18% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,320.75 จุด ลดลง 27.28 จุด หรือ -0.37%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) ด้วยแรงกดดันจากสกุลเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและยูโร สืบเนื่องจากนักลงทุนกลับมามีความหวังว่า นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ของอังกฤษ จะสามารถนำเสนอข้อตกลง Brexit ที่สร้างความพอใจแก่สหภาพยุโรป (EU) ได้ทันภายในกำหนดเส้นตายวันอาทิตย์นี้ (10 ธ.ค.)
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 27.28 จุด หรือ -0.37% ปิดที่ 7,320.75 จุด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงเกือบ 3% เมื่อวันพุธ นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในตะวันออกกลางยังเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 73 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 56.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 62.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ นอกจากนี้ การดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 13 ดอลลาร์ หรือ 1.03% ปิดที่ระดับ 1,253.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 15.3 เซนต์ หรือ 0.96% ปิดที่ 15.802 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 8.30 ดอลลาร์ หรือ 0.92% ปิดที่ 894.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 16 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 1,002.95 ดอลลาร์/ออนซ์
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) ขณะนักลงทุนจับตาความคืบหน้าของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีสหรัฐ ด้วยความหวังที่ว่า ท้ายที่สุดแล้ว สภาคองเกรสจะสามารถผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวเพื่อให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามรับรองเป็นกฎหมายภายในปีนี้
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1783 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1794 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.3474 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3376 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง ที่ระดับ 0.7518 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7562 ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 113.01 เยน จากระดับ 112.26 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9934 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9902 ฟรังก์สวิส