EPG รักสิบล้อ….ต้องรอสิบโมง
ปะหน้าผู้บริหารคนสำคัญของบริษัท บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ทั้งนาย ภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งเป็นคนที่ค่อนข้างทำงานเก็บเนื้อเก็บตัว และ ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร น้องชายสุดเลิฟ....แล้วบอกว่า บริษัทนี้ ดีทุกอย่าง ยกเว้นราคาหุ้น...ก็จะได้ยินเสียงหัวร่อกลับมาเป็นการยอมรับโดยปริยาย
แฉทุกวันทันเกมหุ้น
ปะหน้าผู้บริหารคนสำคัญของบริษัท บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ทั้งนาย ภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งเป็นคนที่ค่อนข้างทำงานเก็บเนื้อเก็บตัว และ ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร น้องชายสุดเลิฟ….แล้วบอกว่า บริษัทนี้ ดีทุกอย่าง ยกเว้นราคาหุ้น…ก็จะได้ยินเสียงหัวร่อกลับมาเป็นการยอมรับโดยปริยาย
จะมีข้อยกเว้นในช่วงงวดสิ้นไตรมาสที่สองหรือครึ่งแรกของปี 2560/2561 เท่านั้นที่หุ้น EPG แย่ทั้งผลประกอบการและราคา…ไม่มีข้อยกเว้น แม้จะไม่ถึงกับขาดทุน และเป็นปรากฏการณ์ชั่วคราวรายไตรมาสเท่านั้นเอง
อ่านแล้วอย่าเพิ่งงง….งบการเงินของ EPG เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนน้อยที่มีช่วงเวลานับไม่เหมือนกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยโดยทั่วไป คือ ปิดสิ้นงวดปีในเดือนมีนาคมของทุกปี
ผลการดำเนินงานของ EPG ไตรมาส 2 ปี 2560/2561 (สิ้นงวด 30 กันยายน 2560) มีกำไรสุทธิ 291.87 ล้านบาท ลดลงแรงมาก 104.71 ล้านบาท หรือร้อยละ 26.4 จากระยะเดียวกันปีก่อนหน้า โดยสาเหตุหลักมาจากเหตุไม่คาดฝันเพราะ กลุ่มบริษัท อีสเทิร์น โพลีแพค จำกัด ที่ทำธุรกิจบรรจุภัณฑ์ หรือ EPP มีรายได้ลดลง 10.03% เนื่องจากการบริโภคสินค้าในกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายในประเทศยังคงชะลอตัวต่อเนื่องตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 เป็นต้นมา
แม้กลุ่มอื่นอีก 2 กลุ่มคือกลุ่มบริษัท แอร์โรเฟลกซ์ จำกัด และกลุ่มบริษัท แอร์โรคลาส จำกัด จะทำรายได้เพิ่มขึ้น ก็ทำให้รายได้รวมทั้งกลุ่ม จากการขายสินค้าเพิ่มต่ำกว่าคาดเพียงแค่ 0.65%
งานนี้ แม้ว่าดร.เฉลียว จะออกมาแก้เกม ด้วยการประกาศว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 งวดปี 2560/2561 (ม.ค.-มี.ค. 2561) จะเติบโตกลับมาสวยแน่นอน เพราะโอกาสทำกำไรที่มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ชัดเจน และ จะเติบโตสูงที่สุดในรอบปี 2560/2561 เนื่องจากธุรกิจทุกส่วนทั้งชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ (AEROKLAS) และฉนวนกันความร้อน/เย็น (AEROFLEX) เติบโตต่อเนื่อง…..ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์จะฟื้นตัวขึ้น หลังมีการจัดเทศกาลมากขึ้น ทำให้อุปสงค์จากการใช้บรรจุภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ และบริษัทเน้นขยายสินค้าบรรจุภัณฑ์เข้าไปในหมวดประเภทอาหารมากขึ้น เพราะเห็นสัญญาณอุปสงค์ค่อนข้างสูง เพื่อทำให้บรรลุเป้าหมายรายได้ 10,000 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้น 28-30% ต่อเนื่อง….ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก
จะมียุทธศาสตร์การเติบโตเท่านั้นที่ยังทำให้ประคองราคาหุ้น EPG ว่ายังมีอนาคตรุ่งโรจน์…นั่นคือ ในปี 2561 แผนการซื้อกิจการในธุรกิจเกี่ยวเนื่องในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อเติบโตแบบทางลัดหรือ inorganic growth จากการที่มีกระแสเงินสดเพียงพอไว้รองรับการลงทุนดังกล่าว
ไม่ต้องรอนาน…ตามประสาคนที่ทำงานเก่งพอๆ กับพูดเก่งน้ำไหลไฟดับ…ล่าสุด EPG ได้แจ้งว่า เข้าซื้อหุ้น 100% ในบริษัท Flexiglass Challenge Pty. LTD. (Flexiglass) จากบริษัท Fleetwood Corporation ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นออสเตรเลีย ในราคาประมาณ 7 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 176 ล้านบาท (ไม่ถึง 4% ของสินทรัพย์ของ EPG) คาดว่าการซื้อขายจะแล้วเสร็จภายในเดือน ม.ค. 2561
Flexiglass เป็นร้านขายสินค้าตกแต่งรถกระบะประเภทขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ในออสเตรเลีย มีสาขาของตัวเอง 5 แห่ง และมี distributors และ dealers กว่า 100 แห่ง
กลยุทธ์การเร่งโตด้วย M&A นี้ ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะเมื่อต้นปี 2558 EPG ก็เคยเข้าซื้อกิจการ TJM Products Pty ซึ่งดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับรถยนต์ 4WD ที่มีผลการดำเนินงานขาดทุน แต่มีอนาคตไกล …. โดยให้ Aeroklas Australia Pty., Ltd. (ARKAU) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ EPG ถือหุ้นผ่านบริษัท แอร์โรคลาส จำกัด หรือ ARK ลงนาม หวังใช้ช่องทางร้านค้าภายใต้ยี่ห้อ TJM ในออสเตรเลีย มูลค่า 566.1 ล้านบาท และมุ่งใช้บริษัทย่อยที่เป็นเครือข่ายในจีนและสหรัฐฯสร้างมูลค่าในระยะยาว …แม้การลงทุนดังกล่าว จะยังคงขาดทุนต่อปี แต่ก็ดีขึ้นมาก ทั้งในช่องทางร้านค้าภายใต้ยี่ห้อ TJM และร้านค้าทั่วไปในออสเตรเลีย และการส่งออกต่างประเทศ ซึ่ง TJM….มองเห็นอนาคตในเชิงลึกมากขึ้น
แล้วก็ไม่แปลกที่งานนี้ นักวิเคราะห์ “ขาเชียร์” จะพากันบอกในเชิงบวกว่า การได้ Flexiglass มาอยู่ใต้ร่มธง จะช่วยเพิ่มประเภทสินค้าตกแต่งรถกระบะและช่องทางการจัดจำหน่าย จากการที่สินค้าของบริษัทและของ TJM สามารถนำไปจำหน่ายในร้านของ Flexiglass ได้ และเป็นบวกโดยตรงต่อธุรกิจ Aeroklas (ซึ่งเป็นธุรกิจหลักมีสัดส่วน 45% ของรายได้รวมทั้งกลุ่ม)
ที่สำคัญ ผลประกอบการของ Flexiglass ที่ซื้อเข้ามาใหม่ ยังขาดทุนอยู่เล็กน้อย สามารถทำให้คุ้มทุนได้ภายในปีแรก จากพลังของ synergy ทางธุรกิจ
งานนี้ นักวิเคราะห์ “ขาเชียร์” ให้เป้าหมายราคาปี 2562 ที่ 16 บาทเช่นเดิม และ…แนะนำซื้อ
ใครมีเงินเย็น สามารถนอนรอได้นาน ไม่ต้องพะวงกับดอกเบี้ย…เชิญตามสบาย
ส่วนพวกเงินร้อน….แล้วแต่จะพิจารณา…ถ้าทนรอได้นานขนาดนั้น
“….รักสิบล้อ ต้องรอสิบโมง แม่คิ้วโก่ง ขวัญใจสิบล้อ รักจริงต้องอดใจรอ….”
อิ อิ อิ