3 โบรกฯ การันตี IRPC กำไรปี 61 โตก้าวกระโดด
3 โบรกฯ การันตี IRPCกำไรปี 61 โตก้าวกระโดด หลังรับรู้รายได้โครงการ UHV PPE และ PPC เต็มปี-กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ให้เป้าสูงสุด 7.80 บาท
เป็นที่น่าสนใจว่าราคาหุ้นบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC นั้นปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีมูลค่าการซื้อขายเข้ามาอย่างหนาแน่นนับตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค.60 โดยล่าสุดวานนี้ ( 13 ธ.ค.) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาปิดที่ 6.60 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 2.33% ด้วยมูลค่าซื้อขายที่ 1.04 พันล้านบาทซึ่งยังคงมีอัพไซด์ 18% จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 7.80 บาท
ขณะที่ P/E ล่าสุด ณ วันที่ 12 ธ.ค.60 อยู่ที่ 15.44 เท่า ซึ่งต่ำกว่า SET ซึ่งอยู่ที่ 18.45 เท่า และยังต่ำกว่ากลุ่มทรัพยากร หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค ซึ่งอยู่ที่ 16.83 เท่า
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงได้ทำการรวบรวมบทวิเคราะห์ของ IRPC โดยพบว่า โบรกเกอร์ส่วนใหญ่คาดการณ์กำไรปี 61 จะปรับตัวดีขึ้นการจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและสามารถรับรู้กำไรจากโครงการต่างๆ เต็มปี
โดยนักวิเคราะห์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ทยอยซื้อสะสม” IRPC ให้ราคาเป้าหมาย 7.80 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่ากำไรปี 61 จะเติบโตก้าวกระโดด 30% เทียบจากปีก่อนรับประโยชน์จากโครงการ PPE และ PPC เต็มปี (เริ่มไตรมาส 4/60)
ส่วน นักวิเคราะห์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” IRPC ให้ราคาเป้าหมาย 7.70 บาทต่อหุ้น โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของบริษัท ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นไปตามที่คาดว่าการเติบโตของกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 22% ในปี 61 ซึ่งมีปัจจัยหลักมาจากการเริ่มเสร็จสิ้นโครงการ UHV (ภายในปี 62) การเริ่มต้นโครงการ PPE&PPC (ธ.ค.60) และ โครงการ SPP IRCP CP ใหม่ โครงการที่ 2 (พ.ย.60)
สำหรับโครงการ UHV จะไม่เพียงแต่เป็นปัจจัยผลักดันปริมาณการขายของ IRPC จากการเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตโรงกลั่น แต่ยังคงเป็นการเพิ่มอัตรากำไรโดยรวม (GIM) อีก US$2/bbl ในครึ่งปีแรกปี 62 ส่วน PPE และ PPC กำลังการผลิตจะเพิ่ม GIM อีก US$0.8-1.0/bbl ในปี 60
ด้าน นักวิเคราะห์ บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” IRPC ให้ราคาเป้าหมาย 7.50 บาทต่อหุ้น พร้อมกับเลือกเป็น Top Pick ของกลุ่มโรงกลั่น ซึ่งยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/60 รวมไปถึงช่วงปี 61 หลังจากโครงการสำคัญเริ่มทยอยผลิตตั้งแต่กลางปี 60
โดยแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/60 มีโอกาสทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องจากไตรมาส 3/60 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มอัตราการกลั่น โดยบริษัทคาดจะมีกำลังกลั่นเฉลี่ย 2.1 แสนบาร์เรลต่อวัน รวมไปถึงการทยอยเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการขยายกำลังผลิต PP และโครงการ PPC อีกทั้ง ปรับกำไรสุทธิปี 60 เพิ่ม 12% เป็น 1 หมื่นล้านบาท เติบโตจากงวดปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิ 9,720 ล้านบาท
นอกจากนี้ คาดบริษัทจะมีกำไรสุทธิปี 61 อยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากงวดปี 60 จากปัจจัยบวก 1.การรับรู้รายได้จากโครงการ UHV เต็มปีเป็นปีแรก 2.รับรู้รายได้จากโครงการ PPE และ PPC หลังทยอยเริ่มเดินเครื่องในช่วงครึ่งหลังปี 2560 3.โครงการโรงไฟฟ้า IRPCCP และ 4.ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการ Everest โดยบริษัทคาดจะสามารถเพิ่ม EBIT ในปี 60 ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท