GULF หุ้นราคาแพงหรือ (แค่) ราคาสูง?
ผมมีโอกาสได้สนทนากับ คุณรัฐพล ชื่นสมจิตต์ รองเอ็มดีจาก “กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี” ซึ่งได้รับมอบหมายจาก คุณสารัชถ์ รัตนาวะดี “เดอะ ซีอีโอ” ให้มาเป็นผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ขี่พายุทะลุฟ้า : บูรพา สงวนวงศ์ (เขียนแทน)
ผมมีโอกาสได้สนทนากับ คุณรัฐพล ชื่นสมจิตต์ รองเอ็มดีจาก “กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี” ซึ่งได้รับมอบหมายจาก คุณสารัชถ์ รัตนาวะดี “เดอะ ซีอีโอ” ให้มาเป็นผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
…ก็เป็นการสัมภาษณ์ผ่านรายการวิทยุที่ผมเป็นผู้ดำเนินรายการร่วมกับ คุณสุภชัย ปกป้อง นั่นแหละครับ
การสัมภาษณ์วันนั้นดำเนินไปได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งคำตอบของทุกคำถามเป็นที่ประจักษ์ และเมื่อรวบรวมออกมาก็เพียงพอที่จะสรรสร้างคำตอบของคำถามที่ว่า “GULF เป็นหุ้นแพงหรือไม่?” ขึ้นมาได้ครับ
ทุกท่านทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่า กัลฟ์ฯ เข้าตลาดมาพร้อมกำลังการผลิตไฟในมือที่ขายเข้าระบบแล้วราว 4.7 พันเมกะวัตต์
หากคิดตามสัดส่วนการถือหุ้นของกัลฟ์ฯ ก็จะอยู่ที่ราว 1.8 พันเมกะวัตต์ ซึ่งนั่นเป็นที่มาของกำไรสุทธิ 2.3 พันล้านบาทในงบงวดระหว่าง ไตรมาส 4/59 ถึง ไตรมาส 3/60 ที่อยู่ในไฟลิ่งยื่นต่อสำนักงานก.ล.ต.
ทีนี้คำถามจึงอยู่ที่ว่า ค่าพี/อีเกือบ 50 เท่า ณ ราคาปิดวานนี้ (14 ธ.ค.) ที่ระดับ 53.25 บาท ทำให้ GULF เป็นหุ้นแพงระยับตัวหนึ่งหรือไม่?
จากหนึ่งในคำถามวันนั้น ผมได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมมาครับว่า ไฟฟ้าจำนวน 4.7 พันเมกะวัตต์ที่ขายเข้าระบบแล้ว ถูกแบ่งเป็น 4 พันเมกะวัตต์ที่สามารถบันทึกรายได้ ได้ทันแบบเต็มงวด
ส่วนที่เหลือ ถูกบันทึกในระยะเวลาเพียงสั้นๆ เพราะเพิ่งจะเริ่มซีโอดีกันได้ในช่วงปลายงวดนี่เอง
นอกจากนี้คุณรัฐพลยังบอกด้วยว่า กัลฟ์ฯ มีการจ่ายไฟเพิ่มเติมอีก 1 โรงในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งถือว่าเกิดขึ้นหลังปิดงบสิ้นสุดเดือนกันยายนเพื่อส่งให้ก.ล.ต.แล้ว
แต่แหม่…เสียดายจริงๆ ครับ! ผมดันตกหล่นลืมถามไปเสียนี่ว่าโรงไฟฟ้าที่ว่านี้มีขนาดเท่าไหร่ กี่เมกะวัตต์?
ต้องขออภัยด้วยครับ! เอาเป็นว่าแค่ 2 ส่วนข้างต้นก็น่าจะทำให้งบปี 60 ของกัลฟ์ฯ หรืออย่างช้าที่สุดคืองบไตรมาส 1/61 น่าสนใจขึ้นมาอีกไม่น้อยเลยทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้นนะครับ “เดอะ สโปกส์แมน” คนเดิมบอกต่อมาอีกว่า กัลฟ์ฯ จะขายไฟผ่านบริษัทร่วมทุน (ถือสัดส่วน 70 กว่าเปอร์เซ็นต์) เพิ่มอีกราว 1 พันเมกะวัตต์ (SPP-โคเจนฯ) ภายในปี 62 โดยเป็นการทยอยจ่ายเข้าระบบประมาณ 125 เมกะวัตต์ทุกไตรมาส
เริ่มกันตั้งแต่ ไตรมาส 1/61 ที่กำลังจะถึงนี่เลย!
ซึ่งคุณรัฐพลให้ความรู้มาครับว่า โดยทั่วไปๆ โรงไฟฟ้าโคเจนฯ 1 โรง เอาขนาดแบบกลมๆ คือ 120 เมกะวัตต์ สามารถสร้างรายได้ได้ราว 2.5-2.7 พันล้านบาทต่อปี
ผมจึงเอาความรู้ที่ว่านี้มานั่งดีดลูกคิดดูเล่นๆ แล้วก็ได้ความรู้ใหม่เพิ่มขึ้นมาในทันทีครับว่า ถ้าขายไฟจากระบบโคเจนฯได้ 1 พันเมกะวัตต์ ก็น่าจะมีรายได้อยู่ราว 2.08-2.25 หมื่นล้านบาทต่อปี
แต่ผมก็ไม่ทราบนะครับว่าหากนำตัวเลขดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ในกรณีของกัลฟ์ฯ แล้วจะส่งผลบวกมากน้อยขนาดไหนต่อตัวเลขตรงบรรทัดสุดท้ายของงบในอนาคตอีก 3-4 ปีต่อจากนี้
ทีนี้ มาคิดเล่นๆกันดูอีกเช่นเดียวกันสำหรับในระยะสั้นๆว่า หากกัลฟ์ฯ สามารถสร้างกำไรต่อหุ้นเพิ่มเติมจาก 1.09 บาทตามที่ยื่นไฟลิ่งขึ้นไปได้อีกสัก 20% ภายในช่วงสิ้นสุดไตรมาส 3/61…
ราคาหุ้น GULF ควรจะเป็นเท่าไหร่?
“แพง” หรือ “(แค่)สูง” ก็ต้องมาดูกันล่ะครับ! ว่าพี/อีปัจจุบันที่ 48.85 เท่า ถือว่ามีความสัมพันธ์ที่สอดคล้องกับอัตราการขยายตัวทางธุรกิจในอนาคตหรือไม่
หากสรุปออกมาแล้วว่าตัวเลขข้างต้นทั้ง 2 ตัวมีความสัมพันธ์เชิงบวกซึ่งกัน ผมก็ขอเรียนเชิญเหล่าท่านให้ลองดีดลูกคิดตามสูตร “((1.09 x 1.20) x 48.85) บาท/หุ้น” เช่นนี้เลยครับ
กลับกัน หากมองว่าไม่สอดคล้องก็ต้องลองคำนวณดูว่า ค่าพี/อีเท่าไหร่จึงเหมาะสม
ปัดโธ่! ผมนี่ขี้ลืมจริงๆ เขียนมาตั้งนานดันลืมบอกไปว่า กัลฟ์ฯ จะมีขายไฟเข้าระบบอีกปีละ 1.25 พันเมกะวัตต์ ระหว่างปี 64-67 ด้วยนะครับ