ไอพีโอส่งท้ายปี “SUN” เทรดวันแรกลุ้นราคาทะยานแตะ 7.50 บ. ขานรับพื้นฐานธุรกิจแกร่ง

ไอพีโอน้องใหม่ส่งท้ายปี SUN ลุยเทรดวันแรกลุ้นราคาวิ่งแตะ 7.50 บาท เล็งระดมทุนไปขยายกำลังการผลิต-ใช้หนี้สถาบันการเงิน มั่นใจปี 2561 กำไรโตตามนัด 10%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (28 ธ.ค. 60) บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 130 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 5.85 บาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท

ทั้งนี้ SUN มีทุนจดทะเบียน 215,000,000 บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว 150,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ซึ่งภายหลังจากการเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนในครั้งนี้ บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้วเต็มมูลค่าเท่ากับ 215,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 430,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท

โดยบริษัทมีแผนนำเงินระดมทุนที่ได้จากการขายไอพีโอราว 727.81 ใช้ในการลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติมเพื่อขยายกำลังการผลิต และเพิ่มปริมาณการผลิต จำนวน 260 ล้านบาท ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจจำนวน 417.81 ล้านบาท และใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน จำนวน 50 ล้านบาท

ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.รับหลักทรัพย์ประเภทหุ้นสามัญของบริษัท ซันสวีท ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ SUN เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กำหนดวันที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนและวันที่เริ่มทำการซื้อขาย วันที่ 28 ธ.ค.60 มีจำนวนหุ้นที่จดทะเบียนกับตลท. และหุ้นชำระแล้ว 430 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 215 ล้านบาท ขณะที่ได้เสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 130 ล้านหุ้น ราคา IPO หุ้นละ 5.85 บาท

อนึ่ง SUN ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายข้าวโพดหวานแปรรูปและผลิตภัณฑ์แปรรูปสินค้าเกษตรอื่น ๆ ภายใต้ตราสินค้าของบริษัท “KC” และภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า รวมทั้งธุรกิจจัดหาและซื้อมาจำหน่ายไปซึ่งผลิตภัณฑ์อาหารและผลผลิตทางการเกษตร

ด้านนายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SUN เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจราคาเปิดการซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันนี้ (28 ธ.ค.) จะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือราคาเสนอขาย IPO ที่ 5.85 บาท/หุ้น หลังจากที่บริษัทได้เดินสายนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุน (โรดโชว์) ใน 9 จังหวัด มีนักลงทุนรายย่อยให้การตอบรับและมีความสนใจในแง่ของการลงทุนในหุ้นบริษัทอย่างล้นหลาม ประกอบกับมีนักลงทุนสถาบันในประเทศรายใหญ่ 2 ราย ได้ให้ความสนใจเข้าลงทุนในหุ้นของบริษัท ซึ่งได้มีการติดต่อเข้ามาเพื่อรับฟังข้อมูลของบริษัท

ทั้งนี้ การที่นักลงทุนสถาบันในประเทศให้ความสนใจนั้นเป็น เป็นผลมาจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทมีความแตกต่างจากธุรกิจเกษตรรายอื่นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยในการผลิต มีการต่อยอดไปในผลิตภัณฑ์อื่นที่สร้างมูลค่าเพิ่ม และมีการส่งออกไปในหลากหลายประเทศทั้งหมด 70 ประเทศ โดยมีฐานลูกค้ากว่า 300 ราย ซึ่งเป็นจุดเด่นของการดำเนินธุรกิจที่บริษัทได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ในกลุ่มครอบครัวกิตติคุณชัย ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้นรวมราว 70% จะไม่มีการขายหุ้นออกหลังจากที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยหุ้นทั้งหมดที่ทางกลุ่มครอบครัวกิตติคุณชัยอยู่จะติด silent period ตามที่กฏระเบียบของตลาดหลักทรัพย์กำหนด 6-12 เดือน และหลังจากที่พ้นจากช่วง silent period แล้ว ยังยืนยันว่าจะไม่ทิ้งหุ้น และเดินหน้าสร้างการเติบโตให้กับบริษัทต่อไป

“การเข้ามาระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยืนยันว่าไม่ได้เข้ามาเพื่อการหาทางออกจากธุรกิจ แต่เป็นการเข้ามาเพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัท และการบริหารจัดการด้านการเงินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเราใช้เวลา 7 ปี ในการเตรียมที่จะเข้าตลาดในครั้งนี้ และผมยืนยันว่าจะไม่มีการขายหุ้นออกแม้แต่หุ้นเดียว และอยากบอกกับนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในหุ้น SUN ว่าอยากให้นักลงทุนเข้ามาร่วมธุรกิจด้วยกันพัฒนาธุรกิจเกษตรและอาหารให้มีการเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมั่นใจว่าการลงทุนในหุ้น SUN นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะในด้านของผลตอบแทนจากเงินปันผล และยังเชื่อมั่นว่าในวันเข้าเทรดวันแรกนักลงทุนจะให้การตอบรับหุ้น SUN เป็นอย่างดี” นายองอาจ กล่าว

อีกทั้ง ผลการดำเนินงานในปีนี้ว่าคาดว่ายอดขายจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เกิน 1.5 พันล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท ขณะที่ในปีนี้ได้ใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 100,000 ตัน/ปี จากกำลังการผลิตทั้งหมดที่ 150,000 ตัน/ปี ส่วนในปีต่อๆ ไปบริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายเฉลี่ยเติบโต 10% ต่อปี

สำหรับปี 61 บริษัทตั้งเป้ายอดขายโต 10% และจะใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 120,000 ตัน/ปี พร้อมกับเดินหน้าขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและเพิ่มสินค้าใหม่ที่เป็นรูปแบบการค้าปลีกเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันสินค้าของบริษัทจำหน่ายอยู่ในเซเว่น อีเลฟเว่น แม็คโคร กูเมร์ มาร์เก็ต เป็นต้น โดยสัดส่วนการขายปลีกจะเพิ่มเป็น 60% ในปีหน้า จาก 50% ในปีนี้ ส่วนที่เหลือจะเป็นสัดส่วนยอดขายจากการขายส่ง พร้อมกับจะมีสินค้าใหม่ในกลุ่มสินค้า Ready to eat ออกมาจำหน่าย จำนวน 2 อย่าง

ขณเดียวกันการขยายการขายแบบค้าปลีกเพิ่มขึ้นนั้นบริษัทมองว่าเป็นช่องทางและเป็นกลุ่มสินค้าที่ให้มาร์จิ้นสูง และสามารถเข้าถึงลูกค้าและผู้บริโภครายย่อยได้โดยตรง อีกทั้งยังสามารถผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นในปี 61 สูงกว่า 19% ได้ ส่วนทางด้านต้นทุนข้าวโพดของบริษัทไม่มีความกังวลเพราะได้ทำสัญญากับเกษตรกรผู้ผลิตข้าวโพด (Contract Farming) ไว้ 100% โดยมีราคารับซื้ออยู่ในช่วง 4.50-5.50 บาท/กิโลกรัม ทำให้ต้นทุนราคาวัตถุดิบของบริษัทไม่มีความเสี่ยงด้านความผันผวนของราคาวัตถุดิบ

ขณะที่ความผันผวนของค่าเงินที่บริษัทยังมีสัดส่วนการส่งออกสูงถึง 80% นั้น ไม่มีความกังวล เนื่องจากได้มีการทำประกันความเสี่ยงค่าเงินไว้แล้ว ทำให้ไม่มีผลกระทบมากนัก เมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า”

สำหรับเงินที่ได้จากการเสนอขาย IPO บริษัทฯ จะนำไปใช้ปรับปรุงเครื่องจักร จำนวน 100-200 ล้านบาท ใช้เพิ่มกำลังการผลิตข้าวโพดแช่แข็ง โดยเพิ่มกำลังการผลิตอีก 3 เท่า หรือ 3 เพิ่มขึ้น 3 ตัน/ชั่วโมง จำนวน 150 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะให้ในการบริหารสภาพคล่องและชำระคืนหนี้บางส่วน ซึ่งจะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทลดลงเหลือต่ำกว่า 1 เท่า จาก 9 เดือนที่ 3.3 เท่า ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถลดภาระดอกเบี้ยจ่ายได้อย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวรายหนึ่ง เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่าราคาหุ้น SUN เข้าซื้อขายวันนี้เป็นวันแรก (28 ธ.ค.60) มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นแตะ 7.50 บาท จากราคา IPO ที่ 5.85 บาท มีอัพไซต์อยู่ที่ 28% เนื่องจากในปี 2561 บริษัทมีแผนในการติดตั้งเครื่องจักรขยายกำลังการผลิตอีกเท่าตัว ในส่วนของการผลิตข้าวโพดหวานแช่แข็งที่เป็นผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นสูง ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการใช้กำลังผลิตอยู่ที่ 74.59% ของกำลังผลิตทั้งหมด 1.62 หมื่นตันฝักเขียวต่อปี

ส่วนข้าวโพดบรรจุกระป๋องและถุงสุญญากาศมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 61.65% ของกำลังผลิตทั้งหมด 1.5 แสนตันฝักเขียว ซึ่งจะใช้แหล่งเงินทุนจากการระดมทุน IPO เพื่อรองรับการเติบโตของคำสั่งซื้อที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต

Back to top button