CHO ต้นร้าย ปลายดี

เรียบร้อยลงไปแล้ว ด้วยฝีมือระดับพระกาฬของ ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม ที่ทำให้สามารถทำให้เกิดการร่วมลงนามเซ็นสัญญา ระหว่าง ขสมก. กับกิจการร่วมทำงาน SCN-CHO ในสัญญาการซื้อขายรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) พร้อมซ่อมแซมและบำรุงรถโดยสาร จำนวน 489 คัน กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ในช่วงเช้าวานนี้ (27 ธ.ค.) คิดเป็นมูลค่าโครงการประมาณ 4,261 ล้านบาท รวมการซ่อมบำรุงนาน 10 ปี (ไม่รวมกรณีรถชนกัน) 


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

เรียบร้อยลงไปแล้ว ด้วยฝีมือระดับพระกาฬของ ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม ที่ทำให้สามารถทำให้เกิดการร่วมลงนามเซ็นสัญญา ระหว่าง ขสมก. กับกิจการร่วมทำงาน SCN-CHO ในสัญญาการซื้อขายรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) พร้อมซ่อมแซมและบำรุงรถโดยสาร จำนวน 489 คัน กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ในช่วงเช้าวานนี้ (27 ธ.ค.) คิดเป็นมูลค่าโครงการประมาณ 4,261 ล้านบาท รวมการซ่อมบำรุงนาน 10 ปี (ไม่รวมกรณีรถชนกัน)

กลุ่มกิจการร่วมทำงาน SCN-CHO ประกอบด้วย บริษัท สแกนอินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN และบริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO

สำหรับรายละเอียดเชิงลึก การดำเนินโครงการนี้ SCN จะเป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านเงินทุนเพื่อดำเนินโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศ NGV และซ่อมแซมบำรุงรักษารถโดยสาร พร้อมทั้งนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติแบบครบวงจรเข้ามาสนับสนุนในด้านองค์ความรู้ด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับระบบเชื้อเพลิง NGV ขณะที่ CHO มีประสบการณ์งานซ่อมบำรุงและศูนย์ซ่อม

งานนี้ ถือเป็นการทดสอบพลังผนึกของสองค่ายธุรกิจที่เชี่ยวชาญคนละอย่างที่มาร่วมงานกัน ในการลงทุนที่ลงขันในงบโครงการจำนวน 1,300 ล้านบาท ซึ่งแบ่งกันคนละครึ่ง เพื่อจัดการหารถโดยสารปรับอากาศ NGV ให้ส่งมอบ 489 คัน

​การลงนามวานนี้ มีผลทำให้ มหากาพย์อันยืดเยื้อยาวนาน ที่ผลักดันกันมาหลายรัฐบาลนานร่วม 11 ปี พร้อมกับตำนานนิยายน้ำเน่าซึ่งวนเวียนอยู่กับการประมูลที่ล้มซ้ำซาก…ปล่อยให้ ขสมก.ใช้รถคร่ำคร่าชนิด “เศษเหล็กเรียกซือเฮีย” (ที่มีอายุใหม่สุด ก็ยังมากกว่า 20 ปี) ….ได้จบสิ้นไปเสียที

ทางด้านของ CHO ซึ่งได้ทุ่มเทเวลาและค่าใช้จ่ายสารพัดใน 4 ปีมานี้เพื่อคว้างานมาในกำมือถึง 4 ครั้ง ก่อนจะประสบความสำเร็จในการประมูลครั้งล่าสุดอันเป็นครั้งที่ 8 …..ก็ถือว่าเป็นข่าวดีอย่างยิ่ง ในลักษณะ “ต้นร้ายปลายดี” หรือ blessing in disguise

ข่าวดีอย่างนี้ ต้องฉลองกันนิดหน่อย…ราคาหุ้นของ CHO เลยเริงร่าวานนี้ กลับมายืนเหนือ 1.80 บาทอีกครั้ง หลังจากซึมเซาเป็นไก่หงอยมายาวนาน

คนที่ดีใจกว่าใครจนออกนอกหน้า มากกว่านักลงทุน….หนีไม่พ้น เสียจริง นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ CHO จากขอนแก่น ที่มาร่วมงานด้วยตัวเอง โดยระบุหลังการลงนามว่า ทางบริษัทได้สั่งนำเข้ารถจากพันธมิตรจีน BLK ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถ แบบ Semi Knockdown โดยเสียภาษีนำเข้าเฉลี่ย 40% และนำมาประกอบในส่วนระบบ เครื่องยนต์ เกียร์ ระบบก๊าซ และระบบแอร์ในไทย รวมราคารถคันละ 3.88 ล้านบาท/คัน

ราคารถดังกล่าวถือว่าไม่แพง หากจะเทียบกับในอดีตที่ราคารถคันละมากกว่า 6 ล้านบาท โดยค่ารถนี้ แยกออกจากค่าบริการซ่อมบำรุงรถ ซึ่งเป็นรายได้สม่ำเสมอ ในปีที่ 1-5 วันละ 925 บาท และปีที่ 6-10 วันละ 1,700 บาท ซึ่งจะเป็นรายได้ประจำระยะยาว

สำหรับ CHO รายได้จากการขายรถ และซ่อมบำรุง ถือเป็นโอกาสทองที่เคยหนีหายไป แล้วกลับคืนมาได้อีกครั้ง ทำให้คาดปี 2561 พลิกมีกำไร ตามรายได้แตะ 3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากรายได้ปีนี้ เกือบ100% จากคาด 1.5 พันล้านบาท…อะร้าอร่ามทันทีทันควัน

กำไรที่เพิ่มขึ้น ทำให้ฐานะการเงินปีหน้าจะต่างจากปีนี้ชนิดจากหลังมือเป็นหน้ามือกันเลยทีเดียว เพราะในปีนี้ แม้ในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 บริษัทก็สามารถทำกำไรสุทธิได้ แต่ผลการดำเนินงานทั้งปี 2560 น่าจะยังมีผลการดำเนินงานขาดทุนให้เห็น…ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการบันทึกบัญชีที่เปลี่ยนใหม่

แถมยังจะมีรายได้ในปีหน้าจากงานสัญญาเช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์ (E-Ticket) จำนวน 2,600 คัน จากทางองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มูลค่าโครงการ 1,665 ล้านบาทด้วย เพราะขณะนี้ได้ติดตั้งไปแล้ว 800 คัน และคาดว่าจะติดตั้งได้ครบ 2,600 คันในเดือนเมษายน 2561 ก่อนกำหนด

ข่าวดีของ CHO หลังจากทำสัญญารถ NGV เสร็จ ทำให้ผู้บริหารมีเวลาหายใจหายคอพูดเรื่องอื่นๆ ที่เป็นอนาคตได้มากขึ้น โดยเฉพาะส่วนของความคืบหน้าในการขายหุ้นเพิ่มทุน 539.88 ล้านหุ้น ให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) และผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (RO) เพื่อนำเงินไปใช้ในโครงการ E-Ticket และศูนย์ซ่อมรถสิบล้อ ตามที่มีมติบอร์ดไปแล้ว

ซีเอฟโอคนเก่งของ CHO นายนิติธร ดีอำไพ ระบุว่า คาดว่าจะสามารถระดมทุนได้ มากกว่า 1,000 ล้านบาท โดยจะขายหุ้นเพิ่มทุน PP ล็อตแรก 118 ล้านหุ้น ให้กับ Macquarie Bank Limited บริษัทจากประเทศออสเตรเลีย  ซึ่งจะเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 12% คาดระดมทุนได้ราว 200 ล้านบาท และจะขายหุ้นเพิ่มทุนอีก 115 ล้านหุ้น ซึ่งจะขาย PP ยังไม่กำหนดผู้ซื้อ ในขณะที่หุ้นเพิ่มทุนที่เหลือ 306.88 ล้านหุ้น จะขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน ต้องรอผ่านมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ในวันที่ 9 มกราคมนี้เสียก่อน

จากนี้ไป ถ้าไม่นับราคาหุ้นที่จะถูกรบกวนจาการเพิ่มทุนมหาศาลครั้งใหม่ อนาคตของ CHO คงจะราบรื่นติดลมบนได้…และคุ้นเคยกับบอร์ด ขสมก.แนบแน่นกว่าในอดีตที่ผ่านมา

ปล่อยให้อดีต เมื่อ 3 ปีก่อน เป็นแค่…สายลมที่ผ่านเลย

อิ อิ อิ

Back to top button