น้ำมันดิบปิดวานนี้ปรับลงหลังดอลล์แข็ง-ซาอุฯส่งออกน้ำมันเพิ่ม
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 พ.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และจากรายงานที่ว่าซาอุดิอาระเบียส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 9 ปี
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 26 เซนต์ ปิดวานนี้ (18 พ.ค.) ที่ 59.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 54 เซนต์ ปิดที่ 66.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมัน WTI ปรับตัวลงเนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ทำให้นักลงทุนเทขายทำกำไรสัญญาน้ำมันดิบ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากมีรายงานว่า ซาอุดิอาระเบียส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นแตะ 7.9 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมี.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้น 548,000 บาร์เรล/วัน จากเดือนก.พ. และเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2548 หรือในรอบ 9 ปี
ด้านอิรัก ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับสองในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) รองจากซาอุดิอาระเบีย มียอดส่งออกน้ำมัน 2.98 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมี.ค. ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่ที่อิรักได้เริ่มส่งข้อมูลให้ JODI เมื่อเดือนม.ค.2550
ทั้งนี้ ซาอุดิอาระเบียและอิรัก รวมถึงประเทศในตะวันออกกลาง ต่างเพิ่มการส่งออกเพื่อแข่งขันกับประเทศต่างๆจากลาตินอเมริกา แอฟริกาเหนือ และรัสเซียที่ส่งน้ำมันไปขายยังเอเชีย โดยการแข่งขันดุเดือดเข้มข้นขึ้นนับตั้งแต่ที่โอเปคตัดสินใจคงเพดานการผลิตไว้ที่ 30 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุมเมื่อวันที่ 27 พ.ย. โอเปคมีกำหนดการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
นอกจากนี้ รายงานบนเว็บไซต์ JODI ยังระบุว่า ซาอุดิอาระเบียใช้น้ำมันดิบ 351,000 บาร์เรลเพื่อผลิตไฟฟ้าในเดือนมี.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้น 11% จากเดือนก.พ. ขณะที่ปริมาณการกลั่นน้ำมันอยู่ที่ 1.91 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว