สังคมข่าวหุ้น

ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,778.53 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 24.82 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 8.5 หมื่นล้านบาท


นิวส์เวฟ

* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,778.53 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 24.82 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 8.5 หมื่นล้านบาท

* ขอปรบมือดังๆ ให้กับพี่ SET หลังจากเมื่อวานนี้ สามารถเดินทางมาถึงจุดที่เป็นประวัติศาสตร์ทำนิวไฮที่ 1,778 จุดกันได้ แล้วยังมาพร้อมกับมูลค่าการซื้อที่ไหลหนาแน่นมหาศาล จึงถือเป็นการประเดิมเริ่มต้นวันแรกของการซื้อขายประจำงวดปี 2561 ได้อย่างงดงาม

* หุ้นเด่นเป็นพระเอกสุดๆ เมื่อวานต้องขอยกให้กับ AOT กันเลยทีเดียว หลังจากซัดทำราคานิวไฮเกิน 70 บาท เท่ากับสูงสุดในรอบ 15 ปีกันไปได้แล้ว จึงกลายเป็นผลบวกผลักดันให้หุ้น AOT มีมาร์เก็ตแคปรวมในมือมหาศาลถึง 1 ล้านล้านบาท ในทันที

* นั่นหมายความว่า AOT ขณะนี้ได้กลายเป็นยักษ์ใหญ่หุ้นบลูชิพแถวหน้าอย่างเต็มตัว เพราะมีมาร์เก็ตแคปหุ้นมากสุดเป็นอันดับ 2 ของ SET และเป็นรองเพียงแค่พี่ใหญ่ตลาดหุ้นไทยขาประจำอย่าง PTT ที่ครองเบอร์ 1 ด้วยมาร์เก็ตแคป 1.2 ล้านล้านบาท

* อย่าทำเป็นเล่นกันไปนะ เพราะปัจจุบันช่องว่างระหว่าง AOT และ PTT มีมาร์เก็ตแคปเหลือห่างกันเพียงแค่ 2 แสนล้านบาทแล้วเท่านั้น ซึ่งหากดูทรงพื้นฐานของ AOT ที่ยังมีทั้งสตอรี่บวกเต็มมือ ทิศทางกำไรที่ยังโตต่อเนื่อง แล้วยังอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่อยู่ในจุดพีคเต็มพิกัด โอกาสที่ AOT จะไล่กวดจนหายใจรดต้นคอก็คงไม่ใช่เรื่องเว่อร์เกินไปแล้วล่ะ ดังนั้น PTT ในฐานะเบอร์ 1 ก็ต้องเร่งงัดของดีมาโชว์เพื่อทิ้งห่าง AOT ไปให้ได้เช่นกัน

* แต่สาระสำคัญสุดแล้วนอกจากมาร์เก็ตแคป AOT ที่เพิ่มขึ้นมหาศาลภายในเวลา 1 ปีนั้น งานนี้ ต้องปรบมือให้กับความใจกล้าของ AOT ที่ตัดสินใจแตกพาร์ฉีกกรอบธรรมเนียมหุ้นรัฐวิสาหกิจทิ้งไปสิ้นเชิง เพราะมันเป็นเครื่องการันตีให้เห็นชัดเจนแล้วว่า จุดที่ทำให้ AOT มีราคาหุ้นเดินทางมาไกลได้ขนาดนี้ หนึ่งในแรงหนุนสำคัญก็คือเรื่องแตกพาร์นั่นแหละ นี่หากอิงที่พาร์เดิมระดับ 10 บาท เชื่อได้เลยว่า AOT ไม่มีทางมาไกลได้ถึงระดับนี้แน่นอน และ AOT ยังถือเป็นเคสตัวอย่างชั้นดีเลยว่า การแตกพาร์จะประสบความสำเร็จได้นั้น หัวใจสำคัญหนีไม่พ้นพื้นฐานที่ต้องมีพร้อมขับเคลื่อนราคาหุ้นในระยะยาวเช่นกัน เมื่อราคาหุ้นในทางจิตวิทยาดูราคาถูกลงจนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ก็เลยกลายเป็นแรงหนุนให้หุ้นวิ่งระเบิดอย่างที่เห็นกันในทุกวันนี้

* หุ้น PACE ในที่สุด SCB ก็ประเดิมซื้อหุ้น PP ล็อตแรกกันไปรวม 400 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 0.51 บาท มูลค่ารวม 204 ล้านบาท แม้การซื้อ PP ครั้งนี้จะมีมูลค่าเพียงแค่ระดับ 200 กว่าล้านบาท ซึ่งอาจไม่ได้ส่งผลให้ PACE ดีขึ้นแบบทันหูทันตา แต่นับเป็นสัญญาณที่ดีต่อแผนการขายหุ้นเพิ่มทุนที่เหลืออยู่ เพราะขนาด SCB ยังเลือกเชื่อมั่นใน PACE และควักเงินรับหุ้นเพิ่มทุนไปกอดแล้วนั่นเอง

* หุ้น SUPER ประเดิมคว้าอันดับเครดิตเรตติ้งจาก ทริสฯ ด้วยระดับ BBB-” ไฮไลต์สำคัญ ไม่ใช่เพียงแค่การได้รับอันดับเครดิตเป็นครั้งแรกเท่านั้น แต่ยังถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่จะได้รับเพิ่มตามมาจากสถาบันการเงินต่างๆ ในภายหลังอีกด้วย

* จุดชี้วัดหลักที่ทริสฯ เลือกให้อันดับไว้ที่ตรงนี้ เพราะมองเห็นถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของ SUPER มีผลการดำเนินงานทำออกมาได้ดีและมีกระแสเงินสดได้ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งดูได้จากผลการดำเนินงานของ SUPER ที่ปัจจุบันตั้งแต่เดินเครื่อง COD ไฟฟ้าเป็นต้นมา สามารถผลิตทั้งรายได้และกำไรดีขึ้นต่อเนื่อง การได้เรตติ้งในครั้งนี้จึงเปรียบเหมือนจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่กำลังจะกลายเป็นก้าวใหญ่ในวันหน้าได้เช่นกัน ซึ่งปัจจัยแบบนี้แหละที่ไม่ควรมองข้ามกันไป

*หุ้นร้อนประจำวันที่ 3 มกราคม 2561 ที่มีราคาและมูลค่าซื้อขายปรับขึ้นแรงและอยู่ระหว่าง (Trading Alert List)  ได้แก่

บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ทำให้เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 ต้องใช้เกณฑ์ Cash Balance (ซื้อขายด้วยเงินสดทั้งจำนวน) มีผลตั้งแต่ 04 ม.ค.-24 ม.ค. 2561

* ส่งท้ายด้วยหุ้นใหญ่ๆ GULF  คึกคักกันเหลือเกิน ตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นไทยมาราคาหุ้นวิ่งไล่ขึ้นต่อเนื่องไม่หยุด ล่าสุดปิดบวกไปอีก 68.75 บาท เพิ่มขึ้นเกือบ 6% ใครมีหุ้นแล้วในมือกอดกันไว้ให้แน่น ตัวนี้ของเขาดีจริง เพราะยังมีข่าวดีมาช่วยหนุนหุ้นในระหว่างทางอีกเพียบแน่นอน *

Back to top button