รายใหญ่ และกองทุน

ปี 2560 นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย ส่วนปี 2561 ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า จะขายต่อหรือกลับมาซื้อหรือไม่ และล่าสุดเห็นว่าสัดส่วนการถือหุ้นในตลาดหุ้นไทยเหลืออยู่เพียง 24-25% ทำให้มีการโฟกัสไปยังนักลงทุนสถาบัน (กองทุน) และนักลงทุนรายใหญ่


ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร

ปี 2560 นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย

ส่วนปี 2561 ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า จะขายต่อหรือกลับมาซื้อหรือไม่ และล่าสุดเห็นว่าสัดส่วนการถือหุ้นในตลาดหุ้นไทยเหลืออยู่เพียง 24-25%

ทำให้มีการโฟกัสไปยังนักลงทุนสถาบัน (กองทุน) และนักลงทุนรายใหญ่

อย่างนักลงทุนรายใหญ่ อย่างที่เรารับทราบกันจะมีกลุ่ม มีก๊วน หรือมีวงในการเล่นของแต่ละกลุ่มแตกต่างกันไป

สไตล์ใครสไตล์มันครับ

“เสี่ยยักษ์” หรือ “วิชัย วชิรพงศ์” นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหุ้นยอมรับว่า ปีที่ผ่านมาลงทุนในตลาดหุ้นยากมาก

เขายกตัวอย่างหุ้นขนาดกลางและเล็ก ราคาแทบไม่ขยับ

ทั้งๆ ที่หุ้นหลายตัวพื้นฐานดี

แต่หุ้นที่วิ่งคึกคัก กลับเป็นหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่ม SET50 และ SET100

“ตอนนี้ตลาดถูกขับเคลื่อนโดยกองทุนเป็นหลัก”เสี่ยยักษ์บอกครับ

พอฟังมาแบบนี้แล้ว ผมกลับไปดูตัวเลขการซื้อขายของนักลงทุนรายกลุ่มก็จะพบว่า นักลงทุนสถาบัน หรือกองทุน ได้ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยเมื่อปี 2560 กว่า 1.03 แสนล้านบาท

ในจำนวนดังกล่าว เป็นการซื้อเฉพาะในเดือน ธ.ค. 2560 ราวๆ  3.02 หมื่นล้าน

นั่นจึงน่าจะเป็นที่มาของการตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดหุ้นขนาดใหญ่วิ่งขึ้นมาอย่างสนุกสนานในรอบปี 2560

ส่วนหุ้นขนาดกลางและเล็ก ส่วนใหญ่ราคายังซอยเท้าอยู่

แถมบางตัวราคากลับรูดถอยหลังอีก

เสี่ยยักษ์ พูดถึง “บล็อกเทรด” (Block Trade) ด้วยว่า กำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น

ปีที่ผ่านมาหุ้นขึ้นมาได้ส่วนหนึ่งก็มาจากการซื้อขายแบบบล็อกเทรด

ข้อมูลจาก บล.เคจีไอฯ บอกว่า บล็อกเทรด คือ วิธีการซื้อขาย Single Stock Futures ที่โบรกเกอร์จะเข้าเป็นคู่สัญญาฝั่งตรงข้ามให้กับลูกค้าครับ

การซื้อขาย Single Stock Futures (ไม่ว่าจะเป็นฝั่ง Long หรือ Short) ตามที่ลูกค้าต้องการ

เขาจะมีการอ้างอิงกับราคาตลาดของหุ้นอ้างอิง แล้วจึงบันทึกรายการซื้อขายแบบ Put Through เข้ามาในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าฯ

และนั่นทำให้ลูกค้าได้ใช้ Leverage ของ Single Stock Futures ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพคล่อง

ทั้งการเข้าซื้อ และการขายคืน

วิธีการนี้ ช่วยเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าที่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องของ Single Stock Futures บนกระดาน

เสี่ยยักษ์บอกว่า แต่เขาไม่ได้เล่นนะ

ส่วนสินค้าการลงทุนอื่นๆ ผมก็ไม่ได้ลงทุน ทั้ง DW อนุพันธ์ ฯลฯ

“ผมอาจเป็นนักลงทุนรุ่นเก่าไปแล้ว” เสี่ยยักษ์กล่าวแล้วก็หัวเราะ

ผมถาม มองหุ้นไทยปี 2561 เป็นอย่างไร

เขาบอกว่า ส่วนตัวมองว่า ดัชนีจะไปถึง 1,800 จุด เพราะหุ้นขนาดใหญ่ยังวิ่งขึ้นจากแรงซื้อของกองทุน

ขณะที่นักลงทุนรายใหญ่อีกคนคือ “เสี่ยปู่” สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล ที่มองเช่นกันว่า หุ้นไทยในช่วง 1-2 ปี นับจากนี้ยังน่าลงทุน

สไตล์การลงทุนของเสี่ยปู่คือ ไม่ได้มองภาพรวมของตลาดมากนัก

ทว่า จะให้ความสำคัญกับหุ้นเป็นรายตัว และดู “คุณภาพ” ผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียน หรือ  บจ.ด้วยที่เป็นปัจจัยในการเลือกหุ้นลงทุน

“จะหาหุ้นที่เติบโตดี และเด่นสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นๆ” เสี่ยปู่กล่าวครับ

ส่วนนักลงทุนรายใหญ่อีกคนคือ “เสี่ยป๋อง” หรือ วัชระ แก้วสว่าง

เสี่ยป๋องยังคงแนะนำให้ดูพื้นฐานหุ้น กราฟควบคู่กันไปเช่นเดิม พร้อมกับมองว่า หุ้นไทยปีนี้ยังจะไปต่อได้และมีโอกาเห็นดัชนีไปแตะ 1,800 จุด

หุ้นส่วนใหญ่ที่เสี่ยป๋องลงทุน ยังเป็นหุ้นตัวใหญ่ จะอยู่ใน SET50

Back to top button