ขึ้น 3 ลง 1

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ช่วงนี้บรรดาขาเม้าท์ต่างอยู่ในอาการละเมอเพ้อพบกันยกใหญ่ว่า ดัชนีจะขึ้นไปถึง 1,800 จุดแบบชิวๆ พร้อมกับวางเป้าปลายปี 2560 ไว้ที่ระดับ 2,000 จุด พร้อมกับแสดงองค์ความรู้แบบไม่กระดากปากกันอย่างสนุกสนานนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นวิถีแมงเม่าที่ชอบหลงแสงไฟเป็นประจำ จึงไม่มีอะไรต้องคิดมากอีกต่อไป เพราะยามนี้ทุกคนเคาะขวารัวๆ กันทั้งนั้นพะยะค่ะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงเห็นดัชนีพุ่งขึ้นมาปิดจุดสูงสุดของวัน ที่ระดับ 1,791.02 จุด บวกไป 12.49 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.08 หมื่นล้านบาท พร้อมกับทำ all time high อีกครั้ง ล้วนเป็นเหตุผลทางด้านความเชื่อมั่นในการลงทุน ผสมกับเม็ดเงินก้อนใหม่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นอีกรอบ บรรยากาศการซื้อขายถึงดูคึกคักผิดปกติกว่าที่ผ่านมา และถ้าดูตามสูตรดังกล่าวจะเห็นว่าดัชนียังมีโอกาสไปต่อค่อนข้างสูง เพราะกองทุนตัวแสบน่าจะซื้อหุ้นต่อไปอีกระยะหนึ่งนะคะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องไปอ่านสูตรการลงทุนที่ว่าด้วยเรื่อง “ขึ้น 3 ลง 1” ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยในช่วงที่ตลาดหุ้นมีอาการฟินสุดๆ โดยวันแรกดัชนีมักพุ่งกระฉูดเหนือความคาดหมาย ส่วนวันที่สองมักลดช่วงบวกลงอย่างเห็นได้ชัด และวันที่สามจะออกอาการรวนตลอดทั้งวัน ก่อนจะปิดฉากด้วยการย่อตัวลงเพื่อหาฐานแนวรับที่มั่นคงนะจะบอกให้

*วันนี้ถึงต้องจับตาแรงซื้อที่เข้ามาในหุ้นบลูชิพให้ดีเป็นพิเศษ เพราะจะเป็นตัวชี้นำตลาดหุ้นไทยจะเดินไปในทางไหน? “โมนิก้า” ถึงไม่ค่อยวอรี่กับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เพราะมันเป็นเรื่องของ money game มากกว่าปัจจัยพื้นฐานของประเทศโตแกร่ง จังหวะนี้ถึงเห็นแรงเทขายทำกำไรเริ่มไหลออกมาเป็นระยะ ซึ่งเป็นช็อตที่เตือนแมงเม่าให้รู้ว่าต้องขยับตามจังหวะให้เป็น..อิอิอิ

*เหมือนกับในรายของ BANPU ทำท่าเหมือนจะหมดแรงข้าวต้ม พอถึงวานนี้กลับมีแรงฮึดเด้งขึ้นมาอย่างร้อนแรง จนราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 20.60 บาท บวกไป 1.10 บาท หรือขึ้นไป 5.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.68 พันล้านบาท “โมนิก้า” ยังคงมองเป็นเกมที่นักเล่นต้องไหลตามน้ำ เพราะสตอรี่ราคาถ่านหินสูงสุดในรอบ 5 ปีมันทำให้ทุกคนมองงบปี 2561 จะออกมาเริ่ดสะแมนแตน..จริงหรือไม่? ต้องตามดูกันเอาเองค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของปูนใหญ่ SCC ทะยานขึ้นมาปิดที่ 496 บาท บวกไป 6 บาท ด้วยมูลค่า 2.27 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการเตรียมตัวทดสอบแนวต้าน 500 บาทเป็นครั้งที่ 3 “โมนิก้า” ย่อมมีอาการตื่นเต้นเป็นธรรมดา เพราะหุ้นดันวิ่งมาชนเส้นแนวต้าน 200 วัน ที่บริเวณ 496 บาทเสียก่อน แต่ถ้าดูจากตำราหุ้นเขามักพูดกันว่า หุ้นจะวิ่งผ่านรอบที่ 3 แบบชิวๆ  นะจ๊ะ

*ส่วนที่ชิวของจริง “โมนิก้า” กลับมองไปที่ BCPG เป็นลำดับแรก หลังหุ้นขยับขึ้นมาปิดที่ 25.50 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 3.66% ด้วยมูลค่า 2.13 พันล้านบาท พร้อมกับขึ้นมาทำ all time high เพื่อเดินหน้าสร้างฐานแนวรับใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิม มันเป็นช็อตที่ทำให้เดี๊ยนต้องตามไปเก็บทุกรายละเอียด เพราะจังหวะนี้เป็นโอกาสของการเล่นตามน้ำ หลังกองทุนกระโจนเข้าใส่มือเป็นระวิงนะซี

*ส่วนรายที่มาแบบเนิบๆ ไม่มีอาการกระโตกกระตาก “โมนิก้า” ขอยกให้หุ้นแบงก์สีเขียว KBANK ทะยานขึ้นมาปิดที่ 242 บาท บวกไป 5 บาท หรือขึ้นไป 2.11% ด้วยมูลค่า 1.95 พันล้านบาท พร้อมกับทำ new high ในรอบ 3 ปี 3 สัปดาห์ มันสะท้อนให้เห็นว่า นี่เป็นแบงก์ดาวเด่นที่พวกกองทุนหมายตา จึงไล่เก็บหุ้นขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างไม่ลดละความพยายาม พวกกูรูสำนักต่างๆ ถึงให้เป้า 265 บาทไงล่ะค่ะ

*เหมือนกับในรายของ MTLS ทะยานขึ้นทำ all time high ด้วยการปิดที่ระดับ 41.50 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 3.75% ด้วยมูลค่า 1.08 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตของการวิ่งไปรับข่าวกำไรโตไม่หยุด แวลูของหุ้นก็เลยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นชนวนเหตุให้บรรดาพ่อยกแม่ยกกระโจนเข้าใส่กันอย่างเมามัน งานนี้คอมเมนต์ได้แค่ว่า หากกำไรปีนี้ยังโต หุ้นก็จะไปต่อแน่นอนค่ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องเติบโตขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ต้องหันไปมองหุ้นบันเทิงเริงรำของช่องน้อยสี BEC ทะยานขึ้นมาปิดที่ 13.80 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 6.15% ด้วยมูลค่า 362 ล้านบาท เดี๊ยนมองเป็นเกมที่นักเล่นต้องตามให้ทัน เพราะจนป่านนี้ยังมองไม่เห็นช่องทางที่จะทำให้ทีวีช่องนี้กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ ยิ่งมองตัวเลขกำไรที่ประกาศออกมา ยิ่งทำให้ร้าวรานใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม (น้ำเน่าเหลือเกิน) จึงขอให้ขาลุยกลับไปคิดเป็นการบ้าน…อิอิอิ

*ตบท้ายกันที่พระเอกของวันอย่าง PTT กระชากขึ้นพรวดเดียวตอนท้ายตลาด ก่อนจะมาปิดที่ระดับ 472 บาท บวกไป 22 บาท หรือขึ้นไป 4.90% ด้วยมูลค่า 5.70 พันล้านบาท พร้อมกับทำ all time high มันสะท้อนให้เห็นว่า หุ้นตัวนี้กำลังขึ้นหม้อ ถึงมีแรงซื้อไหลเข้ามาไม่หยุดหย่อน และยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ดัชนีติดลมบนแบบนี้..วันนี้เล่นกันระเบิดเถิดเทิงแหงๆ พะยะค่ะ