สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวันศุกร์

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 5 ม.ค.61


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (5 ม.ค.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีเดินหน้าทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เนื่องจากนักลงทุนมองว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค.ของสหรัฐที่ขยายตัวน้อยกว่าคาดนั้น จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกเช่นกัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,295.87 จุด พุ่งขึ้น 220.74 จุด หรือ +0.88% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,743.15 จุด เพิ่มขึ้น 19.16 จุด หรือ +0.70% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,136.56 จุด เพิ่มขึ้น 58.64 จุด หรือ +0.83%

 

ตลาดหุ้นยุโรป ปิดปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (5 ม.ค.) โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มรถยนต์ นอกจากนี้ การทำนิวไฮอย่างต่อเนื่องของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างคึกคัก

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.9% ปิดที่ 397.35 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2558 และตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 2.1%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,319.64 จุด พุ่งขึ้น 151.75 จุด หรือ +1.15% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,470.75 จุด เพิ่มขึ้น 57.06 จุด หรือ +1.05% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,724.22 จุด เพิ่มขึ้น 28.34 จุด หรือ +0.37%

 

ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (5 ม.ค.) ขานรับตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่ทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดติดต่อกันหลายวันทำการ รวมทั้งกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐขยายตัวน้อยกว่าคาดในเดือนธ.ค.

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,724.22 จุด เพิ่มขึ้น 28.34 จุด หรือ  +0.37% โดยดัชนี FTSE 100 ปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ส่วนตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 0.5%

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดขยับขึ้นเมื่อวันศุกร์ (5 ม.ค.) โดยสัญญาทองคำทำสถิติปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 11 หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค.ของสหรัฐที่ขยายตัวน้อยกว่าคาดนั้น ส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 70 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 1,322.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 1%

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 17.285 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 5 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 975.20 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 12.55 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 1,082.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ปิดลบเมื่อวันศุกร์ (5 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นติดต่อกันในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความไม่สงบในอิหร่าน และสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ปรับตัวลงติดต่อกันหลายสัปดาห์ ได้ช่วยจำกัดการร่วงลงของสัญญาน้ำมันดิบเมื่อคืนนี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 57 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 61.44 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 45 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 67.62 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวผันผวนเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (5 ม.ค.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค.ขยายตัวน้อยกว่าคาด ซึ่งส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ส่วนสกุลเงินยูโรอ่อนค่าลง หลังจากอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยในเดือนธ.ค. ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์หน้า

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2050 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2069 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3571 ดอลลาร์ จากระดับ  1.3548 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7868 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7860 ดอลลาร์

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.14 เยน จากระดับ 112.77 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9755 ฟรังก์ จากระดับ  0.9748 ฟรังก์

Back to top button