ตลาดหุ้นเอเชียเขียวยกแผง รับวอลล์สตรีททำนิวไฮ-น้ำมันดิบสูงสุดในรอบ 3 ปี
ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ ขานรับวอลล์สตรีททำนิวไฮอีกครั้ง-ราคาน้ำมันดิบสูงสุดในรอบ 3 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีของตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำนิวไฮพร้อมกันอีกครั้ง โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี โดยสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเวลานานถึง 8 สัปดาห์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 63.80 ดอลลาร์/บาร์เรล ,สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. ขยับขึ้น 6 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 69.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
รวมถึงได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและมาตรการปรับลดภาษีของรัฐบาลสหรัฐ
ทั้งนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 23,719.66 จุด เพิ่มขึ้น 9.23 จุด, +0.04% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,423.88 จุด ลดลง 1.46 จุด, -0.04% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 31,298.05 จุด เพิ่มขึ้น 177.66 จุด, +0.57% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,818.24 จุด เพิ่มขึ้น 8.18 จุด, +0.08% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,499.87 จุด เพิ่มขึ้น 11.96 จุด, +0.48% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,527.55 จุด เพิ่มขึ้น 14.87 จุด, +0.42% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,825.01 จุด เพิ่มขึ้น 8.13 จุด, +0.45%
ทั้งนี้ ตลาดได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยสำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างผลสำรวจของรอยเตอร์ว่า บริษัทสหรัฐที่จดทะเบียนในดัชนี S&P 500 จะมีผลกำไรโดยรวมเพิ่มขึ้นราว 11.8% และจะมีรายได้โดยรวมเพิ่มขึ้น 6.9%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า มาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและภาคธุรกิจของสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามเพื่อบังคับใช้กฎหมายปฏิรูปภาษีในช่วงก่อนวันคริสต์มาสปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปฏิรูประบบภาษีครั้งใหญ่นับตั้งแต่ปี 2529 โดยกฎหมายฉบับนี้ครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 21% จากระดับ 35%
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย.