สังคมข่าวหุ้น
ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,828.88 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 7.05 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 7.5 หมื่นล้านบาท
นิวส์เวฟ
* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,828.88 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 7.05 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 7.5 หมื่นล้านบาท
* สัปดาห์ที่แล้วแนะนำหุ้นให้หาจังหวะเข้าเก็บนั่นคือ LH ตั้งแต่ต้นทุนแถว 10.50 บาท งานนี้ ถ้าได้เก็บหุ้นกันตามที่แนะนำจริง คงยิ้มรับกำไรกันไปถ้วนหน้าเรียบร้อย บอกแล้วหุ้นตัวนี้เขาดีจริงสมกับฐานะเบอร์ 1 แชมป์กำไรหุ้นอสังหาริมทรัพย์ แถมเมื่อวานหุ้นยังวิ่งบวกแรงเป็นพิเศษไปกว่า 7% หลังจากเมื่อวานนี้ทางบริษัทตั้งโต๊ะแถลงข่าวแผนธุรกิจประจำงวดปี 2561 โดยตั้งเป้ารายได้รวมปี 2561 สูงระดับ 3.6 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้ายอดขาย 3.3 หมื่นล้านบาท เติบโตต่อเนื่องจากงวดปี 2560 ที่ผ่านมา
* จึงทำให้ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับทางนักลงทุนได้ว่า ทิศทางของ LH ยังคงสดใสไม่มีเปลี่ยน เพราะขนาดปี 2560 ที่ว่าตลาดเติบโตยากและตึงมือหลายบริษัท แต่ LH กลับสร้างกำไรเติบโตสวนกระแสได้ เมื่อบวกกับงวดปี 2561 ที่ทุกฝ่ายมั่นใจจะเห็นภาพรวมตลาดฟื้นตัวขึ้น ย่อมผลักดันให้ LH มีความโดดเด่นกว่าใคร ที่สำคัญเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลงามเสมอ ซึ่งตามที่โบรกฯคาดกันมางวดปี 2561 จะปันผลได้เกือบ 7% ทำให้มีดาวน์ไซด์หุ้นจำกัดในยามที่ภาวะตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงขายทำกำไร ใครมีหุ้นแล้วในมือด้วยต้นทุนต่ำกว่าระดับ 11 บาท ถือกันต่อไปได้ หรือ อาจจะขายทำกำไรบางส่วนเพื่อดึงต้นทุนกลับมาบ้างก็ไม่เสียหายเช่นกัน
* จากกรณีราคาหุ้น LH ที่ปรับเพิ่มขึ้นมา ถือเป็นอีกหนึ่งเคสที่สะท้อนให้เห็นว่า ในแง่การลงทุนบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องเลือกเฟ้นเฉพาะเจาะจงกันแต่กลุ่มหุ้นที่ติดหน้ากระดาน TOP 20 Most Active ประจำวันเสมอไป (LH เพิ่งมาติด TOP 20 ได้สัปดาห์นี้) เพราะหุ้นตัวอื่นก็สามารถสร้างกำไรได้ดีไม่แพ้กัน เผลอๆ มีความเสี่ยงน้อยกว่าอีก เพราะอย่าลืมว่าหลายตัวที่ติดหน้ากระดาน Most Active ให้เห็นยาวนานนับเดือน ส่วนใหญ่ปรับขึ้นแรงไปมากแล้ว ดังนั้น ช่วงนี้จึงน่าลองย้ายเงินลงทุนบางส่วนไปหาหุ้นพื้นฐานดี แต่ราคายังไม่ขยับขึ้นมากดีกว่า แล้วเมื่อบวกกับใกล้ถึงกำหนดประกาศงบปี 2560 อย่างเป็นทางการ จึงทำให้ในระยะสั้นจะได้แรงรับหนุนเข้ามาช่วยเสริมหุ้นได้
* อีกตัวที่น่าสนใจและขอสวนกระแสนิยม คือ หุ้น BDMS หลายคนเห็นชื่อแล้วอาจตั้งคำถามว่า “โรงพยาบาลกรุงเทพ” มีอะไรน่าสนใจในตอนนี้ สำหรับจุดที่นิวส์เวฟเลือกมอง BDMS เพราะมีเหตุผลอยู่ 2-3 ประเด็นสำคัญด้วยกันเริ่มจาก 1.ราคาหุ้นย้อนหลังในรอบ 1 ปีจนถึงปัจจุบัน ย้ำอีกครั้งว่า รอบ 1 ปี ปรากฏว่าหุ้น BDMS ราคาปรับลดลงอยู่ประมาณ 9% สวนทางภาวะตลาดหุ้นไทยที่ปรับขึ้นคึกคัก
* 2.ยักษ์หลับหุ้นโรงพยาบาลรายนี้ในเชิงพื้นฐานได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว สะท้อนให้เห็นได้จากงวดไตรมาส 4/2560 ที่คาดการณ์ว่า จะมีโอกาสทำกำไรสุทธิสูงถึง 2,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกิน 20% จากช่วงปีก่อน ถือว่านานมากแล้วนะ ที่ไม่ได้เห็น BDMS ฟันกำไรงวดไตรมาสเพิ่มเกินระดับ 20% (เมื่อเทียบรายปี) โดยเป็นผลมาจากฐานลูกค้าตะวันออกกลางที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง บวกกับโรงพยาบาลหลายแห่งที่เคยทุ่มทุนซื้อกันมาอยู่ในจุดคุ้มทุนแล้ว
* 3.หากงบไตรมาส 4/2560 ออกมาดีจริงตามที่ตลาดคาดไว้ หมายความว่าภาพรวมงบปี 2560 ทางบริษัทจะมีโอกาสทำกำไรสุทธิสูงถึง 10,000 ล้านบาท เท่ากับเป็นการเติบโตสูงสุดในรอบ 5-6 ปี ส่วนงวดปี 2561 จะได้รับผลบวกจากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวช่วยเพิ่มฐานลูกค้าให้สูงยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้จึงถือเป็นสตอรี่บวกทั้งหมดที่หุ้น BDMS มี เพียงแต่หลายคนกลับมองข้ามกันไป ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน ช่วงหลังชักหนาแน่นตกวันละ 4-5 ร้อยล้านบาท จึงตอกย้ำให้เห็นว่า หุ้น BDMS กำลังกลายเป็นเป้าหมายและมีโอกาสได้รับเม็ดเงินลงทุนจากหลายฝ่าย ส่วนราคาหุ้นในกระดานล่าสุดซื้อขายเพียง 20.80 บาท นับว่าไม่แพงเลยสักนิด เมื่อเทียบกับปัจจัยบวกที่มีในมือทั้งหมด จึงถือเป็นหุ้นดีที่ขอฝากให้ทยอยสะสมติดพอร์ตกันไว้ด้วย
* หุ้น FER ช่วงที่ผ่านมาปรับโฉมโครงสร้างธุรกิจขนานใหญ่ จนปัจจุบันเริ่มเข้าที่เข้าทางกันแล้ว เพราะล่าสุดทางบริษัทส่งสัญญาณมั่นใจว่า ผลการดำเนินงานจะกลับมาดีขึ้นกว่าในอดีตแน่นอน โดยจะเริ่มเห็นกันตั้งแต่งวดไตรมาส 4/2560 ที่มีลุ้นพลิกกำไร และงวดปี 2561 หวนกลับมาเติบโตได้ดีจากการบุ๊กผลตอบแทนธุรกิจพลังงานเต็มไม้เต็มมือนั่นเอง
* ส่งท้ายด้วย NDR วันนี้ถึงกำหนดเปิดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นกันแล้ว โดยทางบริษัทจะขอผู้ถือหุ้นพิจารณาโหวตอนุมัติวาระสำคัญ คือ แผนการเข้าซื้อหุ้น Fung Keong Rubber Manufactory (Malaya) Sdn. Bhd. เพื่อเปิดโอกาสให้บุกเจาะตลาดมาเลเซียแบบเต็มกำลัง ใครที่ได้สิทธิเข้าร่วมประชุมในวันนี้ อย่าลืมไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงกันด้วย เพราะนี่ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะชี้ชะตาการเติบโตของบริษัทในอนาคต *