DDD พุ่งแรง 5% “เมย์แบงก์ฯ” อัพเป้าสูง 131 บ. รับกำไร Q4 โต 129%
DDD พุ่งแรง 5% “บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง” อัพเป้าสูง 131 บ. รับกำไร Q4 โต 129% ล่าสุด ณ เวลา 10.51 น. อยู่ที่ 111.50 บาท บวก 5.50 บาท หรือ 5.19% สูงสุดที่ 114 บาท ต่ำสุดที่ 110.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 204.98 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD ล่าสุด ณ เวลา 10.51 น. อยู่ที่ 111.50 บาท บวก 5.50 บาท หรือ 5.19% สูงสุดที่ 114 บาท ต่ำสุดที่ 110.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 204.98 ล้านบาท
ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (19 ม.ค.61) แนะนำ “ซื้อ” DDD โดยปรับราคาเป้าหมาย (DCF) เป็น 131 บาทจากการปรับลด WACC เป็น 7.07% และเพิ่ม Terminal growth เป็น 5% เนื่องจากเชื่อว่า DDD เข้าสู่ Growth stage
โดย ประเมินอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรต่อปี (CAGR) 3 ปีข้างหน้าที่ 39% สนับสนุนโดยการมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง มีการรุกตลาดส่งออกมากขึ้นโดยเฉพาะในประเทศจีน และขยายช่องทางการขายในประเทศไทยเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้ากว้างขึ้น ขณะที่ตลาด Skincare ในไทยและจีนมีมูลค่าสูงและยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/60 เติบโต 129% จากไตรมาสก่อนและ 80% จากปีก่อนเป็น 102 ล้านบาท เนื่องจากเป็นไฮซีซั่น การส่งออกเพิ่มขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นในช่วงต้นเดือน ต.ค. เป็น Golden Week ของจีน และการเริ่มเข้าไปขายสินค้าใน King Power คาดอัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากการขายสินค้าใหม่ที่มีอัตรากำไรน้อยลงและโปรโมชั่นสินค้า
โดยประเมินยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 39% ในปี 2561 จากการเพิ่มช่องทางการขายโดยเข้าไปใน King Power ศรีวารีและสุวรรณภูมิตั้งแต่เดือนไตรมาส 4/60 และยังมีโอกาสเข้าไปในสาขาอื่นๆ อีก ขณะที่สินค้าขนาดเล็กในรูปแบบซอง (Sachet) เริ่มขายในร้านเซเว่นฯ ตั้งแต่เดือน ก.ย. ได้รับการตอบรับดีมาก และในไตรมาส 4/60 เริ่มขายในร้าน Family Mart และ Lawson เป็นการขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มรายได้น้อย-ปานกลาง คาดรายได้ส่งออกเติบโต 50% เป็นเกือบ 900 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 36% ของยอดขาย (เพิ่มจาก 12% ในปี 2559) บริษัทตั้งเป้าส่งออกมีสัดส่วน 50% ในปี 2563 จากการขยายช่องทางการขายทั้งร้านค้าปลีกและการขายออนไลน์ทำให้มีโอกาสเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น
ทั้งนี้ ปรับ Terminal growth จาก 3% เป็น 5% เนื่องจากเชื่อว่า DDD อยู่ใน Growth stage สนับสนุนโดยการมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ออกสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น ขยายช่องทางการขาย และรุกตลาดส่งออก ขณะที่มูลค่าตลาด Skin care ในประเทศไทยและจีนสูงถึง 3 หมื่นล้านบาท และ 1.1 ล้านล้านบาท ตามลำดับ เราปรับลด WACC จาก 8.34% เป็น 7.07% ทำให้ได้มูลค่ากิจการ 41,683 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 131 บาท/หุ้น เทียบเท่า 61 PEG 1.2 เท่า