FLOYD พุ่งกระฉูด 16% ลุ้นรายได้ปี 61 โต 20% ตามการเร่งลงทุนโครงการภาครัฐ
FLOYD พุ่งกระฉูด 16% ลุ้นรายได้ปี 61 โต 20% ตามการเร่งลงทุนโครงการภาครัฐ โดย ณ เวลา 10.52 น. อยู่ที่ระดับ 2.56 บาท บวก 0.36 บาท หรือ 16.36% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 40.95 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ฟลอยด์ จำกัด (มหาชน) หรือ FLOYD ณ เวลา 10.52 น. อยู่ที่ระดับ 2.56 บาท บวก 0.36 บาท หรือ 16.36% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 40.95 ล้านบาท ราคาปรับตัวแรงหลังเป็นขาลงมาเกือบ 2 เดือน
โดยก่อนหน้านี้นายทศพร จิตตวีระ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟลอยด์ (FLOYD) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการปี 2561 จะฟื้นตัวจากปี 2560 โดยคาดว่ารายได้จะเติบโต 15-20% จากปีนี้ เนื่องจากภาคเอกชนที่ชะลอการลงทุนในปี 2559 เริ่มกลับมาทยอยลงทุน และเชื่อว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2561 ประกอบกับการเร่งลงทุนของโครงการภาครัฐ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสีต่าง ๆ
ขณะที่คาดว่าจะได้รับงานจากบมจ.โรบินสัน (ROBINS) ต่อเนื่องตามแผนการขยายสาขา หลังจากที่ไตรมาส 2/60 บริษัทได้งานของ ROBINS ซึ่งนับเป็นลูกค้ารายใหม่ในธุรกิจห้างสรรพสินค้า รวมถึงยังได้รับงานปรับปรุงในโครงการ JAS สาขารามอินทรา และ The JAS สาขาวังหิน จากบมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท (J) ตลอดจนได้ส่งทีมผู้บริหารเดินหน้าเข้าแนะนำตัวกับลูกค้ารายใหม่ เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มความหลากหลายประเภทงานที่ให้บริการด้วย
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเข้าประมูลงานติดตั้งระบบหลายโครงการ มูลค่าราว 80-200 ล้านบาท ได้แก่ โครงการติดตั้งระบบไฟฟ้าที่พักอาศัยมูลค่า 40-50 ล้านบาท โครงการห้างสรรพสินค้ามูลค่า 70-80 ล้านบาท และโครงการประเภทอื่นๆ 70-120 ล้านบาท โดยจะรับทราบผลการเข้าประมูลได้ภายในปีนี้ทั้งหมด รวมทั้งเข้าประมูลงานเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เพิ่มรายได้ให้แข็งแกร่ง
นายทศพร กล่าวว่า หลังจากที่บริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เมื่อช่วงวันที่ 1 พ.ย.60 นับเป็นโอกาสที่ดี ทำให้บริษัทสามารถเข้าประมูลงานหรือเสนอการให้บริการในโครงการที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญในงานให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาอุปกรณ์ ติดตั้งระบบที่ครบวงจรให้แก่ลูกค้า ซึ่งบริษัทสามารถเข้าไปรองรับงานได้
บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า FLOYD (HOLD:[email protected]): ช่วง 3Q60 กำไรหดตัว 84.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนปี 60 คาดมีกำไร 45 ลบ. หด 61.6%YoY ก่อนพลิกโต 112.8%YoY ในปี 61 จากการกลับมาขยายสาขาของลูกค้าหลักและมาร์จิ้นงานลูกค้าใหม่ดีขึ้นแต่ราคาหุ้น Upside จำกัดจึงปรับลดเป็น “ถือ”