AQUA ยันไม่มีเอี่ยว“เสี่ยกำพล” ท้าตรวจสอบบช.รายได้ทั้งหมด จ่อฟ้องผู้ทำเสื่อมเสียชื่อเสียง
AQUA ยืนยันความบริสุทธิ์ หลังมีประเด็นผถห.เข้าพัวพันคดีค้ามนุษย์ในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง แจงชัด “เสี่ยกำพล” แค่ถือหุ้นไร้อำนาจบริหาร จ่อฟ้องผู้เผยแพร่ข่าวสารทำบริษัทเสื่อมเสีย
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้มีประเด็นข่าวว่า นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ หรือ เสี่ยกำพล ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA ได้ถูกกล่าวหาในคดีค้ามนุษย์ในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง และมีการเชื่อมโยงมาเกี่ยวข้องกับ AQUA อย่างไม่เป็นธรรมว่ามีส่วนเกี่ยวข้องธุรกรรมการฟอกเงิน
ล่าสุดวันนี้ (23 ม.ค. 61) AQUA ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับ นายกำพล บริษัทขอยืนยันว่าไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องในทุกกรณี ทั้งเรื่องธุรกรรมทางการเงิน รายรับ รายจ่ายระหว่างกันรวมถึงกิจการของนายกำพล หรือการลงทุนใดๆ ร่วมกับนายกำพล แต่อย่างใด
ทั้งนี้ บริษัทยินดีให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของรายได้ทั้งหมดของบริษัท โดยบริษัทมีรายได้รวมในงวด 9 เดือนมากกว่า 700 ล้านบาท มีการบันทึกบัญชีและถูกตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีที่ถูกรับรองโดยคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คือบริษัท สำนักงานปีติเสวี จำกัด เป็นประจำทุก 3 เดือน และมีการเสียภาษีต่างๆ อย่างถูกต้องครบถ้วน
อีกทั้ง ปัจจุบันนายกำพลถือหุ้นอยู่ร้อยละ 12.88 และเป็นเพียงผู้ถือหุ้นที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในบริษัทผ่านการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยไม่มีอำนาจบริหาร และไม่เคยเข้ามาก้าวก่ายการบริหารงานของบริษัทแต่อย่างใด อีกทั้งผู้บริหารในระดับสูงของบริษัทและบริษัทในเครือส่วนใหญ่ทำงานกับบริษัทมาเป็นเวลานานและมีการเจริญเติบโตในหน้าที่การงานมาตามลำดับ
โดย บริษัทขอยืนยันว่าไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีที่เกิดขึ้นกับธุรกิจของนายกำพลในทุกกรณี อาทิ ธุรกรรมทางการเงิน, รายรับ, รายจ่ายระหว่างกัน รวมถึงกิจการของนายกำพล หรือการลงทุนใดๆ ร่วมกับนายกำพล แต่อย่างใด
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาบริษัทได้มีความพยายามสร้างผลประกอบการที่ดีให้แก่บริษัทผ่านการลงทุนในธุรกิจต่างๆ ซึ่งมีการเจริญเติบโตและขยายกิจการมาตลอด โดยบริษัทเริ่มมีผลกำไรจากการดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2554 จำนวน 17.209 ล้านบาท ในขณะที่มีมูลค่าสินทรัพย์เพียง 955.876 ล้านบาท จนมาถึงในไตรมาส 3/60 บริษัทมีกำไรรวม 3 ไตรมาสกว่า 230.899 ล้านบาท และมีมูลค่าสินทรัพย์สูงขึ้นเป็น 6,547.541 ล้านบาท หรือมากกว่า 6 เท่าตัว รวมผลกำไรสะสมในช่วงที่ผ่านมาสูงถึง 1,472.731 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้อง มีพบว่ามีการเผยแพร่ข่าวสารที่ารให้ร้าย กล่าวหา หรือทำให้บริษัทฯถูกเข้าใจผิด ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง หรือเสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งในส่วนตัวบุคคลและตัวบริษัท ตลอดจนสื่อต่างๆ ที่นำเสนอไม่ว่าจะเป็นสิ่งพิมพ์ สถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุ หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ทั้งทางแพ่งและอาญาจนถึงที่สุดต่อไป
ส่วนในกรณีการสนับสนุนทีมฟุตบอลสิงห์เชียงรายยูไนเต็ดนั้น บริษัทได้รับการติดต่อจากเอเยนซี่ของทีมสิงห์เชียงรายยูไนเต็ดให้เข้ามาสนับสนุน ซึ่งได้มีการพิจารณากันอย่างรอบคอบถึงผลที่จะได้รับจากการเป็นผู้สนับสนุนรองของทีม โดยบริษัทถือเป็นหนึ่งในแผนโฆษณาประชาสัมพันธ์ สามารถโฆษณาภาพลักษณ์ของบริษัทเคียงคู่ไปกับผู้สนับสนุนหลักรายอื่น เช่น บางกอกแอร์เวย์, สิงห์, AIA, สี TOA และ แอร์ Carrier เป็นต้น
โดยคาดว่าจะส่งผลดีต่อเนื่องจากบริษัทมีป้ายโฆษณาอยู่ในจังหวัดเชียงราย และการถ่ายทอดสดการแข่งขันจะสามารถประชาสัมพันธ์โลโก้ของบริษัทไปได้ทั่วประเทศไทย นอกจากนี้บริษัทได้วางแผนลงทุนป้ายรอบสนามและป้ายโฆษณา LED ในสนามฟุตบอล เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยมีวงเงินสนับสนุนในปี 2560 อยู่ที่ 10 ล้านบาท แบ่งจ่ายเป็น 2 งวด ส่วนในฤดูกาลต่อไป กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา