นักลงทุนแห่ซื้อ TAKUNI ดันหุ้นวิ่งทะลุ 17% แย้มปีนี้รับงานใหญ่เพียบ!

นักลงทุนแห่ซื้อ TAKUNI ดันหุ้นวิ่งทะลุ 17% ลุ้นปีนี้รับงานใหญ่เพียบ! ล่าสุด ณ เวลา 10.18 น. อยู่ที่ระดับ 1.09 บาท บวก 0.16 บาท หรือ 17.20% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 22.54 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI ล่าสุด ณ เวลา 10.18 น. อยู่ที่ระดับ 1.09 บาท บวก 0.16 บาท หรือ 17.20% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 22.54 ล้านบาท

โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงในวันนี้ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 1.12 บาท ซึ่งคาดว่าเกิดจากการเข้าซื้อเก็งกำไรจากผลประกอบการปี 2560 ที่กำลังจะประกาศออกมา ขณะที่ในปี 2561 แนวโน้มกำไรยังอยู่ในทิศทางที่ดี อีกทั้งบริษัทเข้าประมูลงานต่อเนื่องในปี 2561 อาทิ เข้าประมูลงานก่อสร้างโรงกลั่นของ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP โดยเบื้องต้นคาดหวังจะได้งานมูลค่าราว 1,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ในวันที่ 19 ธ.ค.2561 ที่ผ่านมา บริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TAKUNI ได้รับการจ้างงาน 2 งาน มูลค่ารวม 73.76 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. งานสถาปัตยกรรม In Plant Power Generation ที่นิคมอุตสาหกรรม มาบตาพุด จังหวัดระยอง ระยะเวลาก่อสร้าง 12 เดือน มูลค่าโครงการ 27.22 ล้านบาท และ 2. งานโยธา In Plant Power Generation ที่นิคมอุตสาหกรรม มาบตาพุด จังหวัดระยอง ระยะเวลาก่อสร้าง 12 เดือน มูลค่าโครงการ 46.54 ล้านบาท

 

อนึ่งก่อนหน้านี้ นางสาวนิตา ตรีวีรานุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ TAKUNI คาดว่า ทิศทางผลประกอบการในปี 2561 ในด้านรายได้จะยังทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 2560 เนื่องจากทิศทางความต้องการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะลดลงใกล้เคียงกับปีนี้ที่ 15% ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับต่ำ

อย่างไรก็ตามบริษัทฯจะเน้นการขยายกิจการอื่นๆในกลุ่มมากขึ้น โดยในธุรกิจขนส่ง LPG ที่ชะลอตัวลงตามปริมาณการขายที่ลดลงนั้น บริษัทฯก็มาปรับเปลี่ยนเป็นสินค้าอื่นๆมากขึ้น อาทิ การขนส่งแอมโมเนียและวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ราว 10%

สำหรับธุรกิจบริการรับเหมาก่อสร้าง ให้บริการในธุรกิจก๊าซและน้ำมัน ในลักษณะ Engineering Procurement Construction (EPC) ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเข้าประมูลงานก่อสร้าง มูลค่าราว 500-600 ล้านบาท แต่ในส่วนนี้ยังต้องรอความชัดเจนจากผู้ประกอบการรายดังกล่าวก่อน

โดยธุรกิจบริการทดสอบและตรวจสอบด้านความปลอดภัยทางวิศวกรรม จะรุกเข้าหาลูกค้ารายใหม่ๆเพิ่ม โดยบริษัทฯเตรียมที่จะเปิดสำนักงานในจังหวัดระยอง 1 แห่ง ในปี 61 ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถขยายฐานผู้ใช้บริการได้มากขึ้น

ส่วนธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบ เพื่อที่จะเข้ามาร่วมพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกบนที่ดินทำเลย่านบางแคแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ใกล้ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์บางแค หลังจากเข้าซื้อที่ดินไว้แล้ว โดยคาดหวังว่าจะเห็นความชัดเจนในไม่ช้า โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีจำนวน 150 ยูนิต

นอกจากนี้บริษัทฯยังมองหาการลงทุนในธุรกิจอื่นๆเพิ่มเติม เพื่อที่จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯมีเสถียรภาพ และความแข็งแกร่ง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

“ช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันลงมาอย่างรวดเร็ว และทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ผู้บริโภคหันกลับไปใช้น้ำมันมากขึ้น ทำให้ปริมาณการขาย LPG ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯก็ไม่ได้หยุดนิ่ง โดยไปเน้นการพัฒนางานด้านอื่นๆที่เรามีอยู่ ประกอบกับยังมองหาธุรกิจใหม่ๆที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแรงของบริษัทฯเพิ่มเติมด้วย”นางสาวนิตา กล่าว

 

Back to top button