PLANB บวกต่อ 5% หลังเข้าซื้อหุ้นบ.ลูก BEM หวังขยายธุรกิจสื่อโฆษณาในรถไฟฟ้าใต้ดิน
PLANB บวกต่อ 5% หลังเข้าซื้อหุ้นบ.ลูก BEM หวังขยายธุรกิจสื่อโฆษณาในรถไฟฟ้าใต้ดิน โดยล่าสุด ณ เวลา 11.18 น. อยู่ที่ระดับ 6.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ 4.62% สูงสุดที่ระดับ 6.85 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 6.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 252.68 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB ณ เวลา 11.18 น. อยู่ที่ระดับ 6.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ 4.62% สูงสุดที่ระดับ 6.85 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 6.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 252.68 ล้านบาท
โดยราคาหุ้น PLANB ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหลังผนึกกำลังบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ทุ่มเงิน 262 ล้านบาท ซื้อหุ้นในบริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด (BMN) ตามมติที่ประชุมของคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ครั้งที่ 8/2560 เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.60
ด้านนายปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB เปิดเผยว่า ที่ประชุมของคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ครั้งที่ 8/2560 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2560 มีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าซื้อหุ้นในบริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด (BMN) จำนวน 4,947,439 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 19.48% มูลค่าหุ้นละ 53 บาท รวมทั้งสิ้น 262,214,267 บาท ซึ่งงบลงทุนมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัท
ทั้งนี้การเข้าซื้อหุ้น BMN ดังกล่าว จากห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิลาทรายกรีต และห้างหุ้นส่วนจำกัด ไทยประชาก่อสร้าง เพื่อขยายธุรกิจสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัยในระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าใต้ดิน และคาดว่าการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์ในไตรมาสที่ 1/2561
ดังนั้นภายหลังธุรกรรมดังกล่าว จะทำให้ BMN มีโครงสร้างการถือหุ้น ประกอบด้วย บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ถือหุ้นจำนวน 16,558,560 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 65.19% นายเอกลักษณ์ ยิ้มวิไล ถือหุ้น จำนวน 2,710,579 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 10.67% ขณะที่ PLANB ถือหุ้นจำนวน 4,947,439 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 19.48% และผู้ถือหุ้น รายอื่นๆ (ไม่มีผู้ถือหุ้นรายใดถือหุ้นเกิน 5%) ถือหุ้นจำนวน 1,183,422 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.66%
ขณะที่ผลประโยขน์ที่คาดว่าจะได้รับ เพื่อเป็นการขยายธุรกิจสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยในระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าใต้ดิน รวมถึงเพื่อการลงทุนจะสามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาวให้กับบริษัทและผู้ถือหุ้น ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารสื่อโฆษณาของบริษัทที่มีอยู่ให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อเสริมสร้างศักยภาพ ความสามารถในการแข่งขัน และโอกาสทางธุรกิจในอุตสาหกรรมสื่อโฆษณา