หาเงินง่ายๆ

ไม่มีใครรู้ว่านายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม เจมาร์ท หรือ JMART เกิดกินยาผิดซอง หรืออย่างอื่น ทำให้กล้าหาญชาญชัย อาศัยช่องโหว่จากการที่ ก.ล.ต.ยังมะงุมมะงาหรา ตั้งตัวไม่ทัน ดำเนินการก่อนมีกฎหมายบังคับใช้ ทำการระดมทุนผ่านเงินเสมือนอิเล็กทรอนิกส์ หรือ cryptocurrency เพื่อหาเงินง่ายๆ มากถึง 660 ล้านบาท


พลวัตปี 2018 : วิษณุ โชลิตกุล

ไม่มีใครรู้ว่านายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม เจมาร์ท หรือ JMART เกิดกินยาผิดซอง หรืออย่างอื่น ทำให้กล้าหาญชาญชัย อาศัยช่องโหว่จากการที่ ก.ล.ต.ยังมะงุมมะงาหรา ตั้งตัวไม่ทัน ดำเนินการก่อนมีกฎหมายบังคับใช้ ทำการระดมทุนผ่านเงินเสมือนอิเล็กทรอนิกส์ หรือ cryptocurrency เพื่อหาเงินง่ายๆ มากถึง 660 ล้านบาท

นายอดิศักด์ระบุในเอกสารเผยแพร่ว่า ความคืบหน้าของ บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (JVC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ JMART ถือหุ้นสัดส่วน 80% เดินหน้าระดมทุนด้วยดิจิทัล โทเคน “JFin Coin” ต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (Initial Coin Offering : ICO)

จำนวน JFin Coin ทั้งหมด 300 ล้านเหรียญ จะถูกนำมาทำ ICO ก่อนจำนวน 100 ล้านเหรียญ ที่หน่วยละ 6.60 บาท (เทียบได้กับ 0.20 ดอลลาร์สหรัฐ) โดยมีเป้าหมายที่ระบุว่า วัตถุประสงค์ของการระดมทุนจะนำไปพัฒนาระบบสินเชื่อแบบดิจิทัลที่ไม่มีตัวกลาง หรือ Decentralize Digital Lending Platform (DDLP)

โดย ICO ของกลุ่มเจมาร์ทนี้ จะเปิดขายพรีเซลวันแรก ระหว่างวันที่ 14-28 ก.พ.ปีนี้ และจะเปิดขายรอบ Initial Coin Offering จริงวันที่ 1-31 มี.ค.ปีนี้

รายละเอียดของเอกสารที่เผยแพร่นี้ ทำให้เกิดคำถามว่านอกจากคำโอ้อวดที่ว่านี้คือนวัตกรรมครั้งแรกของการระดมทุนในประเทศไทยแล้ว ยังมีประเด็นอื่นๆ ที่น่าเคลือบแคลงอย่างมากเช่น

  • การระดมทุนเพื่อเอาไปพัฒนา DDLP แล้ว คนที่ซื้อ JFin Coin ทั้งหมด 300 ล้านเหรียญ ได้อะไร
  • บริษัทในกลุ่มเจมาร์ทอย่าง บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด มี roadmap ชัดเจนแค่ไหน
  • ระบบการทำงานของ JFin Coin มีความมั่นคงแค่ไหน เพราะคำถามว่าด้วยผู้พัฒนาระบบที่ไม่ใช่มืออาชีพ แล้วหากเกิดปัญหา​แบบญี่ปุ่น หรือที่อื่นๆ แล้วจะรับมือไหวหรือไม่ ​
  • การเปิดตัวที่ราคา 60 บาทเอาอะไรมาคิด มีที่มาอย่างไรและถ้าเปิดแล้วลงมาเหลือ 60 สต. ผู้ซื้อควรทำตัวอย่างไรเพราะจากประสบการณ์ของการเก็งกำไรเงินสเมือนอีเล็กทรอนิกส์อย่างบิตคอยน์และอื่นๆ ที่ผ่านมา การทำเหรียญ ​300 ล้านขายก่อน 100 ล้าน และค่อยปั่นให้เป็น 10 บาท 20 บาท อาจมีคนแห่ซื้อเป็นร้อยเป็นพันโดยยังไม่เห็นความสำเร็จของระบบ ยังเป็นคำถามท้าทายเพราะเมืองไทยนั้นมีคน​ที่รู้จริงเรื่อง ​block chain น้อยมาก

คำถามเหล่านี้ ทำให้ต้องหวนระลึกถึง ความเห็น นางทิพยสุดา ถาวรามร รองเลขาธิการ ก.ล.ต. ก่อนหน้านี้ต่อกรณีบริษัทย่อยของ JMART จะออก ICO กล่าวว่า ยังไม่มีรายละเอียดในเรื่องดังกล่าวที่เพียงพอจึงยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า ICO ดังกล่าวจะมีลักษณะที่เข้าข่ายเป็นไอซีโอที่เป็นหลักทรัพย์หรือไม่ ทั้งนี้ หากเป็นการระดมทุนที่เข้าข่ายเป็นหุ้นหรือหุ้นกู้ ผู้ออกก็มีหน้าที่ต้องดำเนินการขออนุญาตจาก ก.ล.ต. ตามปกติ

นอกจากนั้น นางทิพยสุดา ยังระบุอีกว่า ในด้านผู้ลงทุน เนื่องจากข้อมูลที่ปรากฏ ยังไม่ชัดเจนว่า ผู้ลงทุนในไอซีโอดังกล่าวจะได้ประโยชน์อะไร ก.ล.ต.จึงขอให้ผู้ลงทุนใช้วิจารณญาณศึกษารายละเอียดเพื่อให้เข้าใจชัดเจนก่อนตัดสินใจลงทุน

บทเรียนจากบิตคอยน์ในฐานะเงินเสมือนที่มีชื่อเสียงและมีการเล่นเก็งกำไรมากที่สุดยามนี้ บอกเอาไว้ชัดเจนว่า รากฐานโดยธรรมชาติของเงินเสมือนนี้ คือความต้องการปฏิเสธอำนาจของธนาคารกลางทุกแห่ง โดยมองว่า จุดยืนทางด้านปรัชญาของธนาคารกลางคือการรวบอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง แต่บิตคอยน์ต้องการการกระจายอำนาจจากส่วนกลางอย่างถึงที่สุด

ในแง่ของรูปธรรม เงินเสมือนแม้ว่าจะไม่ใช่เงินโดยตรงตามคุณสมบัติและนิยามทางเสรษฐศาสตร์  แต่การปรากฏตัวในรูปดิจิทัลที่ไร้ตัวตน และมีมูลค่าเชิงเศรษฐศาสตร์ ที่สามารถแอบอิงเข้ากับทุกสกุลในโลกได้ จุดเด่นข้อนี้ ทำให้มีฐานะเหนือกว่าค่าดอลลาร์สหรัฐด้วยซ้ำ

หัวใจหลักที่ต้องการตัดเงินสด และตัดธนาคารกลางทิ้งไป เท่ากับตัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาลบานตะเกียง และเหมาะกับการทำธุรกรรมระหว่างประเทศที่ต้องทำข้ามสกุลเงินเท่านั้น ได้กลายเป็นจุดเด่นที่เปิดช่องในการทำธุรกรรมโดยไม่ต้องใช้เงินสด สามารถกระทำได้ผ่านอุปกรณ์พกพาได้ โดยเสียค่าธรรมเนียมต่ำมาก

ความโด่งดังจากการที่เงินเสมือนเหล่านี้สามารถนำไปเก็งกำไรกันในตลาดได้ ทำให้เกิดการเบี่ยงเบนสู่เป้าหมายของผู้พัฒนาเงินสเมือน ที่ต้องการให้เปลี่ยนมาใช้เงินสกุลนี้กันทั้งโลก โดยออกแบบระบบที่เน้นให้คนเข้ามาใช้ โดยที่ตัวระบบมันไม่มีศูนย์กลาง และไม่มีเจ้าของชัดเจน ทำงานด้วยเครือข่ายคอมพิวเตอร์กับตัวผู้ใช้ (User) เองเพื่อเก็บข้อมูลธุรกรรม และใช้คอมพิวเตอร์ของนักขุด (Miner) เพื่อประมวลผล

ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ ยักษ์ในตะเกียงอะลาดิน ที่ออกมาแล้ว ไม่ยอมกลับเข้าไปอีก

กรณีของการะดมทุนของกลุ่มเจมาร์ท ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า คือนวัตกรรมอย่างแน่นอน แต่จะเป็นผลดีหรือเสีย ยังเร็วเกินไปจะด่วนสรุป เพราะนี่คือการเริ่มต้นของการปฏิเสธ “การรวบอำนาจเก่า” ที่ในอนาคต จะเป็นการ “ท้าทายอำนาจเก่า”

คำเตือนของรองเลขาฯก.ล.ต.ที่ว่า การที่บริษัทจดทะเบียนมีการเผยแพร่ข่าวซึ่งยังไม่มีความชัดเจนอย่างเพียงพอ เป็นสิ่งที่บริษัทจดทะเบียนควรต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากอาจมีผลต่อราคาหรือการซื้อขายหุ้นของบริษัทด้วย สมควรได้รับการจดจำกันเอาไว้ด้วย แม้จะดูเลื่อนลอยพอสมควร

Back to top button