POLARถูกสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดหลังศาลฯไม่รับอุทธรณ์ ฟากเจ้าหนี้ขอรับชำระเงินได้ใน2เดือน
POLAR ถูกสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด หลังศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษไม่รับอุทธรณ์ พร้อมให้เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ใน 2 เดือน
บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) หรือ POLAR ระบุว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ประกาศคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในราชกิจจานุเบกษาตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2561 โดยให้เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดเวลา 2 เดือนนับแต่วันที่โฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
โดยคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก ศาลล้มละลายกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ในวันที่ 31 ม.ค.61 ในคดี 9 ผู้ถือหุ้น POLAR ได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์กรณีที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของทั้ง 9 คนซึ่งขอเข้าเป็นคู่ความร่วมในคดีที่นายกำแหง หุ่นหิรัณย์สาย เจ้าหนี้ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด บมจ.โพลาริส แคปปิตัล จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ โดยนายกำแหง นำมูลหนี้ในข้อตกลงการซื้อหุ้นระหว่างบริษัทและนายกำแหงมายื่นฟ้อง
ทั้งนี้ภายหลังจากที่มีการฟ้องคดีพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด POLAR แล้ว 9 ผู้ถือหุ้นบริษัท ก็ได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลาง เพื่อขอเข้าเป็นคู่ความร่วม โดยโจทก์ฟ้องคดีไม่สุจริต กระทั่งศาลล้มละลายกลาง ตรวจคำร้องแล้วมีคำสั่งยกคำร้องแล้ว
โดย 9 ผู้ถือหุ้นบริษัทจึงยื่นคำร้องอุทธรณ์ผ่านศาลล้มละลายกลางตามขั้นตอนซึ่งตามกฎหมายการยื่นอุทธรณ์จะเป็นระบบอนุญาต เมื่อศาลล้มละลายกลางซึ่งรับคำร้องอุทธรณ์ของทั้งเก้าพิจารณาแล้ว เห็นว่า ทั้ง 9 ผู้อุทธรณ์ไม่ใช่คู่ความ จึงไม่มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อศาล ดังนั้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ต่อมา 9 ผู้ถือหุ้นบริษัท ก็ได้ยื่นอุทธรณ์ในคำสั่งที่ศาลล้มละลายกลางไม่รับอุทธรณ์อีก
ทั้งนี้ ล่าสุด ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ผู้ร้องทั้ง 9 ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความร่วม โดยศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้อง แม้ผู้ร้องทั้ง 9 อาจอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลล้มละลายกลางได้ แต่การที่ผู้ร้องทั้ง 9 อุทธรณ์ว่า ผู้ร้องทั้ง 9 เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจึงมีสิทธิที่จะขอเข้ามาเป็นฝ่ายที่สามนั้น อุทธรณ์ของผู้ร้องทั้ง 9 ไม่เข้าข้อยกเว้นให้อุทธรณ์ได้ ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 25 (1)-(5) ที่ศาลล้มละลายกลาง มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของผู้ร้องทั้ง 9 นั้น ศาลอุทธรณ์ชำนัญพิเศษเห็นพ้องด้วย จึงให้ยกคำร้องอุทธรณ์ของผู้ร้องทั้ง 9
อนึ่ง POLAR ถูกนายกำแหง หุ่นหิรัณย์สาย เป็นโจทก์ฟ้อง คดีล้มละลายหมายเลขดำที่ ล.1533/2560 และบริษัทได้หมายเรียกจากศาลล้มละลายกลาง โดยวิธีปิดหมายเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2560
โดยการฟ้องร้องดังกล่าวสืบมาจากบริษัทตกลงทำสัญญาซื้อขายหุ้นบริษัท แพลทตินั่ม ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ให้กับนายกำแหง หุ่นหิรัณย์สาย ในราคา 105 ล้านบาท แต่ได้มีการคัดค้านเกิดขึ้นทำให้บริษัทไม่สามารถขายหุ้นดังกล่าวตามสัญญาได้โดยนายกำแหง หุ่นหิรัณย์สาย ได้อ้างสิทธิตามสัญญาซื้อขายหุ้นว่าได้ชำระมัดจำแล้ว จึงฟ้องเรียกเงินคืน และเรียกค่าเสียหาย พร้อมค่าขาดประโยชน์รวมดอกเบี้ย เป็นเงินจำนวน 345 ล้านบาท และใช้เป็นเหตุในการยื่นฟ้องคดีล้มละลายจนท้ายสุดบริษัทถูกศาลฯ สั่ง พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2560 และครบกำหนดการยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลล้มละลายกลางในวันที่ 3 กันยายน 2560 แต่เนื่องจากมีข้อกฎหมายหลายประการที่จะต้องดำเนินการอุทธรณ์ ศาลล้มละลายกลางจึงมีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปถึง 2 ครั้ง
อย่างไรก็ตามหากมีความคืบหน้าในประเด็นดังกล่าวทาง “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จะรายงานให้ทราบในลำดับต่อไป
อนึ่ง POLAR ขณะนี้ยังถูกขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) ห้ามซื้อหรือขายหลักทรัพย์ และเป็นบริษัทที่เข้าข่ายถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์หลังไม่นำส่งงบการเงินไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งล่าช้าเป็นเวลาเกินกว่า 180 วัน