ย้อนยุคตื่นทอง
แม้ว่าอนาคตของเงินเสมือนอิเล็กทรอนิกส์ หรือ cryptocurrency จะทำให้เกิดคำถามมากมาย แต่ปรากฏการณ์หลายอย่าง ทำให้เรารู้ว่า กระแสที่เกิดขึ้น น่าจะยังเป็นแค่จุดเริ่มต้นของสถานการณ์อีกมากมายที่เรายังคาดเดาไม่ออกในอนาคต
แม้ว่าอนาคตของเงินเสมือนอิเล็กทรอนิกส์ หรือ cryptocurrency จะทำให้เกิดคำถามมากมาย แต่ปรากฏการณ์หลายอย่าง ทำให้เรารู้ว่า กระแสที่เกิดขึ้น น่าจะยังเป็นแค่จุดเริ่มต้นของสถานการณ์อีกมากมายที่เรายังคาดเดาไม่ออกในอนาคต
ล่าสุด บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ทางบริษัทกำลังผลิตชิพให้กับบริษัทจีนแห่งหนึ่งเพื่อใช้ในการขุดเหมืองเพื่อหาสกุลเงินดิจิทัล พร้อมกับคาดการณ์ว่าการผลิตชิพดังกล่าวจะช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทในปีนี้
นอกจากนี้ ซัมซุงยังคาดหวังว่าธุรกิจผลิตชิพของบริษัทจะขึ้นมาเป็นอันดับ 2 รองจากบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดัคเตอร์ แมนูแฟคเจอริง โค (TSMC)
กระแสเห่อเงินเสมือนดิจิทัลที่มาแรง สอดรับกับธรรมชาติหรือสัญชาตญาณดิบของมนุษย์ในการแสวงหาความมั่งคั่งที่ไร้เหตุผลได้เสมอ ปรากฏการณ์เช่นนี้ เคยเกิดขึ้นเป็นตำนานมาแล้วในยุคตื่นทองของแคลิฟอร์เนียในคริสต์สตวรรษที่ 19 ยาวนานหลายทศวรรษทีเดียว (ก่อนจะลุกลามไปที่อลาสก้า และออสเตรเลียในเวลาไล่เลี่ยกัน)
ในปี ค.ศ.1848 มีคนได้พบทองคำชิ้นเล็กๆ ในแถบเมืองซานฟรานซิสโก การค้นพบของเขาทำให้การขุดหาแหล่งทองเป็นที่นิยม ผู้คนนับพันพากันเข้ามาที่แคลิฟอร์เนีย เพราะหวังว่าจะได้ขุดเจอทองเพื่อที่จะทำให้ชีวิตพวกเขาดีขึ้น
ข่าวเกี่ยวกับการพบทองได้ถูกกระจายออกไป ทำให้ท่าเรือเมืองซานฟรานซิสโกเต็มไปด้วยเรือจากที่ต่างๆ ที่บรรทุกผู้คนที่พากันถูกล่อใจว่าจะได้พบทองคำ แม้แต่คนทำงานที่อยู่ใกล้เคียงก็ละทิ้งการงานและไปเสี่ยงโชคกับการหาทอง แน่นอนที่สุดว่า คนส่วนใหญ่ไม่ได้พบอะไรติดตัวมากกว่าตอนที่มา
นักแสวงทอง หรือเรียกว่า “forty-niners” มักเผชิญความยากลำบากมากมายระหว่างทาง จากช่วงเริ่มแรก ก้อนทองคำสามารถหยิบขึ้นมาจากพื้น ต่อมา ทองคำถูกแยกจากธารน้ำและก้นแม่น้ำโดยใช้เทคนิคอย่างง่าย เช่น การร่อน มีการพัฒนาวิธีการที่ซับซ้อนขึ้นและได้ถูกนำไปใช้ในที่อื่นด้วย ณ จุดสูงสุด การก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาถึงจุดที่ต้องมีการจัดหาเงินทุนอย่างสำคัญ ซึ่งเพิ่มสัดส่วนบริษัททองคำต่อนักขุดปัจเจก
ในยุคนั้น มีการค้นพบทองคำที่มีมูลค่ากว่าหนึ่งหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตามมูลค่าปัจจุบัน) ซึ่งทำให้คนส่วนน้อยมีความมั่งคั่งมหาศาล
ผลของการตื่นทองนั้น นอกจากการทำลายสภาพแวดล้อมอย่างรุนแรง และ เมืองซานฟรานซิสโก เติบโตขึ้นแล้ว ยังทำให้ ถนน โบสถ์ โรงเรียนและเมืองอื่นถูกสร้างขึ้นทั่วแคลิฟอร์เนีย จนทำให้แคลิฟอร์เนียกลายเป็นมลรัฐหนึ่งของสหรัฐฯ
นอกจากนั้น ยังทำให้มีการพัฒนาวิธีการขนส่งใหม่ เมื่อเรือไอน้ำมีใช้กันทั่วไป จนถึงปี 1869 มีการสร้างทางรถไฟข้ามประเทศจากรัฐแคลิฟอร์เนียไปยังสหรัฐอเมริกาตะวันออก เกษตรกรรมและฟาร์มปศุสัตว์ขยายทั่วรัฐเพื่อให้เท่ากับความต้องการของผู้ตั้งถิ่นฐาน
ในช่วงเริ่มต้นของการตื่นทอง ไม่มีกฎหมายเกี่ยวข้องกับกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินในแหล่งทองและระบบ “พนันการอ้างสิทธิ์” (staking claims) ถูกพัฒนาขึ้น
ไม่เพียงแค่นั้น การตื่นทองยังส่งผลให้เกิดการโจมตีชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกา ซึ่งถูกโจมตีและถูกบังคับให้ย้ายออกจากดินแดนของเขา ประเมินว่ามีชาวอินเดียแคลิฟอร์เนีย 100,000 คนเสียชีวิตระหว่างปี 1848 ถึง 1868 และราว 4,500 คนในจำนวนนี้ถูกฆ่า ยุคตื่นทอง ทำให้ประชากรในซานฟรานซิสโก เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นมหานครในฉับพลัน และก็ไม่ได้เกิดที่เดียว แต่ลุกลามไปเป็นช่วงยุคตื่นทองของประเทศบราซิล, แคนาดา, ออสเตรเลีย และประเทศอื่นๆ
ยุคตื่นทองในคริสต์ศตวรรษที่ 19 แต่ยังคงมีมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ ในรูปแบบใหม่ๆ ตราบใดที่ยังมีสถานที่สามารถทำให้คนคาดเดาอนาคตว่าจะร่ำรวยอย่างฉับพลันได้
บทเรียนจากยุคตื่นทองคำในอดีตของสหรัฐฯ น่าจะฉายภาพให้เห็นพัฒนาการของสกุลเงินเสมือนอิเล็กทรอนิกส์ได้ดียิ่งขึ้น แต่น่าจะซับซ้อนกว่าหลายร้อยเท่าในยุคโลกไร้พรมแดน