DDD ขาขึ้นต่อเนื่อง! บวกอีก 4.55% มองกำไรปี 61 โตต่อเนื่องแนะซื้อเป้า 125 บ.
DDD ขาขึ้นต่อเนื่อง! บวกอีก 4.55% มองกำไรปี 61 โตต่อเนื่องแนะซื้อเป้า 125 บ. โดย ณ เวลา 11.35 น. อยู่ที่ระดับ 115.00 บาท บวก 4.55% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.26 พันล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD ณ เวลา 11.35 น. อยู่ที่ระดับ 115.00 บาท บวก 4.55% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.26 พันล้านบาท ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่เข้าตลาดเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.60
บล. เคทีบี ระบุในบทวิเคราะห์ว่ DDD ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Skin care ภายใต้แบรนด์ “NAMU LIFE”โดยมีชื่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ “SNAIL WHITE” ซึ่งมีวัตถุดิบหลัก คือ เมือกหอยทาก เจาะตลาดกลุ่ม Premium Mass สำหรับกำไรสุทธิในไตรมาส4/60 มองว่าจะเติบโตโดดเด่น 120% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน 24% เทียบไตรมาสก่อนหน้าส่งผลมาจาก
i) ฐานรายได้และกำไรสุทธิที่ต่ำในไตรมาส 4/60 เนื่องจากอยู่ระหว่างพิธีไว้อาลัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ii) Domestic spending sentiment ที่ฟื้นตัวหลังพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ และเข้าสู่ High Season ของการท่องเที่ยว iii) จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้น 5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับปี 61 มองว่ากำไรยังเติบโตได้สูงอย่างต่อเนื่องที่ 78% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 662 ล้านบาท เชื่อว่า DDD ควรเทรดที่ premium เทียบกับ peer เนื่องจากกำไรสุทธิเติบโตโดดเด่น และมี ROE ที่สูงถึง 85% แม้ PER จะอยู่ที่ 55.9x แต่มีPEG 0.71x 2018 ซึ่งต่ำกว่าอุตสาหกรรมที่ 1.4x จึงเริ่มต้นให้คำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 125 บาท
สำหรับไตรมาส 4/60 คาดว่ารายได้จะเติบโตโดดเด่นอยู่ที่ 476 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ 120% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ในด้านกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ 70% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลมาจาก i) ฐานรายได้และกำไรสุทธิที่ต่ำในไตรมาส4/60 เนื่องจากอยู่ระหว่างพิธีไว้อาลัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ii) Domestic spending sentiment ที่ฟื้นตัวหลังพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ และเข้าสู่ High Season ของการท่องเที่ยว iii) จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้น 19.5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งจาก China’s Golden Week ช่วงเดือนตุลาคม และฤดูกาลท่องเที่ยวช่วงเดือนพ.ย.และ ธ.ค.
คาดว่ารายได้ในประเทศในปี 2018-2022 จะเติบโตสูงต่อเนื่องมี CAGR 33% โดยปัจจัยหลักมาจาก i) ตลาดสกินแคร์ในประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง คาดว่าจะมี CAGR ที่ 4.9% ii) การขยายช่องทางการจัดจำหน่าย เช่น King Power (ปัจจุบันมีจำหน่ายอยู่ 2 สาขา)
คาดในปี 61 จะสามารถขยายจุดจำหน่ายใน King Power ได้3-4สาขา , รุกช่องทาง Traditional Trade ซึ่ง, เปิดสาขา Namu Life Shop ii) การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 3-4 ผลิตภัณฑ์ต่อปี โดยมีแผนที่จะเจาะ untapped segment เช่น anti-aging, for men iii) มีแผนที่จะสร้างแบรนด์ใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่ม mass หรือ premium brand iv) การเพิ่มขนาดของผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายเพื่อเข้าถึงกลุ่ม Mass Market มากขึ้น
ปัจจุบัน DDD ได้ส่งออกสินค้าไปยัง 5 ประเทศ ได้แก่ จีน ฮ่องกง ลาว กัมพูชาและพม่า มองว่าการขยายตลาดต่างประเทศของ DDD ยังอยู่ในระยะเริ่มแรก และยังมีโอกาสเติบโตสูง คาดว่ารายได้จากตลาดต่างประเทศในปี 61-65 จะมี CAGR อยู่ที่ 37%
ในปี 61 คาดว่ารายได้จากต่างประเทศจะมีสัดส่วนอยู่ที่ 37% อยู่ที่ 882 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากประเทศจีนมีสัดส่วนอยู่ที่ 99% ของรายได้จากต่างประเทศ ส่งผลมาจาก 1)เศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัว ส่งผลให้แนวโน้มการบริโภคปรับตัวดีขึ้น 2) DDD สนับสนุนการทำการตลาดของพาร์ทเนอร์ในจีน เพื่อเพิ่มยอดขาย 3) แนวโน้มผู้ใช้ E- Commerce ที่เป็นช่องทางการจัดจำหน่ายหลักของ DDD มีการเติบโตสูงต่อเนื่อง ที่ CAGR 11.2%
ชอบแผนการรุกขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศของบริษัทฯ มองว่าบริษัทฯมีโอกาสเติบโตได้อีกมากทั้งจากแผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่, การขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศและการเพิ่มกำลังการผลิตจาก 1.9 พันล้านมล.ในปัจจุบัน เป็น 3.8 พันล้านมล.ในปี 2020 เชื่อว่า DDD ควรเทรดที่ premium เทียบกับ peer เนื่องจากกำไรสุทธิเติบโตโดดเด่น และมี ROE ที่สูงถึง 85% แม้ PER จะอยู่ที่ 55.9x แต่มีPEG 0.71x 2018 ซึ่งต่ำกว่าอุตสาหกรรมที่ 1.4x จึงเริ่มต้นให้คำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 125 บาท เริ่มต้นให้คำแนะนำ DDD เป็น”ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 125 บาท ด้วยวิธี DCF อิงสมมติฐาน WACC = 10.0% และ Terminal growth =3.4% สะท้อนธุรกิจที่ยังเติบโตในระยะยาว ณ ราคาปัจจุบัน มี upside อยู่ 14%