พาราสาวะถีอรชุน

เวลา 1 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก วันนี้เมื่อปีที่แล้ว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทุบโต๊ะกลางวงหารือคู่ขัดแย้ง ขอยึดอำนาจโดยละมุนละม่อม พร้อมๆ กับการควบคุมตัวคนที่อยู่ร่วมวงเจรจาจากสโมสรทหารบกวิภาวดีรังสิตแยกไปควบคุมตัวตามค่ายทหาร ตามมาด้วยประกาศและคำสั่งคสช.อีกหลายชุดและเรียกคนเข้าไปรายงานตัว ปรับทัศนคติหลายร้อยคน


เวลา 1 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก วันนี้เมื่อปีที่แล้ว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทุบโต๊ะกลางวงหารือคู่ขัดแย้ง ขอยึดอำนาจโดยละมุนละม่อม พร้อมๆ กับการควบคุมตัวคนที่อยู่ร่วมวงเจรจาจากสโมสรทหารบกวิภาวดีรังสิตแยกไปควบคุมตัวตามค่ายทหาร ตามมาด้วยประกาศและคำสั่งคสช.อีกหลายชุดและเรียกคนเข้าไปรายงานตัว ปรับทัศนคติหลายร้อยคน

ผ่านพ้นมาถึงวันนี้ บิ๊กตู่ในฐานะองค์รัฏฐาธิปัตย์สวมหมวกอีกใบนั่งบริหารประเทศในนามนายกรัฐมนตรี เร่งแก้สารพัดปัญหา มิติทางการเมืองแรงกระเพื่อมสะกดอยู่หมัดด้วยกฎหมายพิเศษ แต่ปัญหาด้านเศรษฐกิจ มิติที่ว่าด้วยปากท้องของพี่น้องประชาชนยังเป็นเครื่องหมายคำถาม หลายฝ่ายบ่นอุบดรีมทีมเศรษฐกิจรัฐบาลท่าจะเป็นพวกทำให้ฝันค้าง

มองอีกทางก็คือไร้น้ำยา บ่มีไก๊ นอกจากลดราคาน้ำมันและไล่เก็บภาษีสารพัดแล้ว ยังมองไม่เห็นอะไรที่เป็นรูปธรรม อาจจะมีอีกหน่อยคือไม่กี่วันข้างหน้านักเสี่ยงโชคจะได้ซื้อลอตเตอรี่ฉบับละ 80 บาท พร้อมด้วยการเพิ่มเงินรางวัลที่หนึ่งล่อใจ จากฉบับละ 4 ล้านบาท เป็น 6 ล้านบาท หนนี้ถ้าทำไม่ได้ ประเทศไทยอาจจะไม่มีการออกหวยซักระยะเหมือนที่ท่านผู้มีอำนาจเคยประกาศไว้ก่อนหน้า

ส่วนมาตรการเด็ดขาดอื่นๆ ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะจัดระเบียบคิวรถตู้ วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หลังจากวันเวลาผ่านไปทุกอย่างก็กลับเข้าอีหรอบเดิม จนมีคนค่อนขอดว่าบางพื้นที่แค่เปลี่ยนมือผู้รับผลประโยชน์เท่านั้น โดยสรุปถ้าถามถึงผลงานของคสช.ตลอดระยะเวลา 365 วันก็ต้องบอกว่า มีแต่การจัดการเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ

บางทีอาจจะมีคำอธิบายจากผู้มีอำนาจว่า เป้าหมายใหญ่ของการยึดอำนาจไม่ใช่การทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี แต่อยู่ที่การปฏิรูปประเทศทั้งระบบรวมทั้งการจัดระเบียบการเมืองให้เลิกขัดแย้งแตกแยก ถ้าเช่นนั้นก็คงต้องรอจนกว่าจะผ่านพ้นการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เพราะในแง่ของการปฏิรูปจนถึงขณะนี้ก็มีผลงานไม่ต่างไปจากคสช.

ปมว่าด้วยการทำประชามติกรณีผ่านหรือไม่ผ่านความเห็นชอบจากประชาชน ในนาทีนี้น่าจะมีความสำคัญน้อยไปกว่าประเด็นที่ว่า เมื่อรัฐบาลและคสช.มีมติให้แก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว เพื่อนำไปสู่การลงประชามติแล้ว ฝ่ายความมั่นคงก็ควรที่จะต้องประเมินสถานการณ์เพื่อเสนอให้มีการผ่อนปรนเงื่อนไขในกรณีห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมือง

ด้วยเหตุที่ว่าในจังหวะเช่นนี้ ต้องเลิกที่จะจำกัดการแสดงความคิดเห็น หากเกรงว่าจะฟุ้งกระจาย ก็สามารถที่ใช้มาตรา 44 ในการกำหนดเงื่อนไขพิเศษ หากผิดหลักเกณฑ์ก็สามารถที่จะดำเนินการทางกฎหมายได้อย่างเด็ดขาดกับบุคคลหรือกลุ่มคนที่จัดกิจกรรมดังกล่าว หรืออาจจะกำหนดเป้าหมายให้ชัดไปเลยก็ได้ว่า ผ่อนปรนข้อบังคับเรื่องนี้เพื่อการระดมความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น

วันนี้มีประเด็นที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งคือคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. จะประชุมใหญ่เป็นวาระพิเศษ เพื่อหารือกันว่า จะเลื่อนกำหนดเวลาจ่ายค่าธรรมเนียมงวดที่ 2 ให้กับผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลทั้ง 24 ช่องหรือไม่ เพราะจะครบกำหนดการจ่ายค่าธรรมเนียมดังกล่าวในวันที่ 24 พฤษภาคมนี้

ปัญหามีอยู่ว่ากสทช.จะใช้อะไรเป็นบรรทัดฐาน ในฐานะองค์กรที่จะต้องบังคับให้ผู้ประกอบการทุกแขนงปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด ซึ่งเบื้องต้นมีผู้ประกอบการอย่างน้อย 2 ราย คือ ช่อง 7 และเวิร์คพ้อยท์ ได้หอบเงินจำนวนหลายร้อยล้านบาทไปชำระค่าธรรมเนียมแล้ว ส่วนที่เหลือจะอ้างเหตุผลอย่างไร แล้วจะเป็นธรรมกับคนที่ประมูลคลื่นความถี่ไม่ได้ก่อนหน้านี้หรือไม่

ล่าสุด มี 2 หน่วยงาน คือ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินและอัยการสูงสุด ฟันธงชัดว่ากสทช.จะเลื่อนการจ่ายค่าธรรมเนียมออกไปไม่ได้ โดยอัยการสูงสุดนั้นระบุว่า การจะเลื่อนกำหนดจ่ายค่าธรรมเนียมจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อมีการแก้ไขประกาศกสทช.ให้สามารถเลื่อนได้ หรือออกประกาศกสทช.ฉบับใหม่เพื่อผ่อนผันการชำระค่าธรรมเนียม

แต่ได้ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า การแก้ไขหรือออกประกาศฉบับใหม่จะมีผลเป็นการเอื้อประโยชน์แก่เอกชนบางรายหรือไม่ รวมทั้งจะเป็นการทำให้ผู้เข้าประมูลรายอื่นเสียเปรียบหรือไม่ นอกจากนี้ อาจมีปัญหาข้อกฎหมายว่าการออกประกาศให้มีผลย้อนหลังไปถึงการประมูลที่เสร็จสิ้นไปแล้วนั้นจะสามารถกระทำได้หรือไม่ จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดกับผลประชุมของกสทช.ที่จะออกมา

ในแง่มุมทางธุรกิจเมื่อย้อนกลับไปดูที่ภาวะเศรษฐกิจในประเทศขณะนี้ก็น่าเห็นใจฝ่ายผู้ประกอบการ แต่ในอีกด้านต้องไม่ลืมว่า การทำธุรกิจนั้นต้องประเมินความเสี่ยงไว้ล่วงหน้า แต่ถ้าตัดภาพไปที่การแย่งชิงประมูลทีวีดิจิตอลก่อนหน้า จะเห็นได้ว่ามีการปั่นราคากันสูงลิบ เมื่อเป็นเช่นนั้นพอจะมาขอเลื่อนเวลาจ่ายเงินที่มีเงื่อนไขระบุในสัญญาไว้ชัดเจนตั้งแต่ก่อนประมูล เสียงไม่เห็นด้วยจึงดังกว่าเห็นใจเป็นธรรมดา

อุตส่าห์ได้รับเสียงชื่นชมต่อการแก้ไขปัญหาชาวโรฮิงญาของรัฐบาล โดยเฉพาะการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ ที่ต่างชาติพอใจในมาตรการดังกล่าวของรัฐบาล รวมไปถึงการเตรียมที่จะหารือประเทศต่างๆ ในการช่วยเหลือในแง่มนุษยธรรม แต่ภาพที่ปรากฏผ่านโซเซียล มีเดีย ล่าสุด หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวแทนรัฐบาลคสช.

จากการที่ พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ และรัฐมนตรีต่างประเทศ บินข้ามน้ำข้ามทะเลไปหารือกับรัฐมนตรีมาเลเซียและอินโดนีเซีย จนได้ข้อสรุปว่าทั้งสองประเทศจะร่วมกันให้ที่พักพิงกับผู้ประสบภัย ปรากฏว่าตอนแถลงข่าวรัฐมนตรีของไทยกลับหายตัวไปแบบลึกลับ อ้างต้องหารือกับรัฐบาลก่อน อ้าว! แล้วที่บินไปนั่นไม่ได้ปรึกษาหารือกันก่อนหรืออย่างไร

อยากจะให้รัฐมนตรีต่างประเทศกลับไปศึกษาการวางตัวต่อมิตรประเทศในย่านอาเซียนในยุคของรัฐบาลเทพประทาน เพราะอะไรสายสัมพันธ์ถึงตกต่ำ เรื่องสำคัญเช่นนี้ต้องให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นจะอับอายขายขี้หน้าเขาเปล่าๆ เอาเป็นว่ายังให้กำลังใจแต่ต้องไม่ชักเข้าชักออก ส่วนปมดราม่าว่าด้วยคนไม่รักชาติจากกรณีโรฮิงญานั้นเป็นเรื่องนานาจิตตัง แล้วแต่ว่าจะมองกันมุมไหน

Back to top button