‘อย่างหนา’ ของหมอธี
“กลัวอะไร ทำไม พูดแล้ว มันจะมาไล่ผมออกหรือ” นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอย่างฮึกหาญกับบีบีซีไทยที่กรุงลอนดอน หลังจากวิพากษ์วิจารณ์ผู้มีอำนาจในเมืองไทย “อย่างหนาตราช้าง” ยกตัวอย่างนาฬิกา 25 เรือน ถ้าเป็นตนเองถูกเปิดโปงก็ลาออกตั้งแต่เรือนแรกแล้ว
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
“กลัวอะไร ทำไม พูดแล้ว มันจะมาไล่ผมออกหรือ” นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอย่างฮึกหาญกับบีบีซีไทยที่กรุงลอนดอน หลังจากวิพากษ์วิจารณ์ผู้มีอำนาจในเมืองไทย “อย่างหนาตราช้าง” ยกตัวอย่างนาฬิกา 25 เรือน ถ้าเป็นตนเองถูกเปิดโปงก็ลาออกตั้งแต่เรือนแรกแล้ว
ท่านยังบอกด้วยว่า มีสิทธิแสดงความคิดเห็น ไม่จำเป็นต้องคิดตาม การคิดเหมือนกันคือ “หลักเผ่ากู” ซึ่งโตกว่า “หลักกู” นิดเดียว
นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย ออกมาสดุดี “หมอธี” ว่ากล้าหาญชาญชัย เป็นแบบอย่างให้กับนักเรียนและครูทั้งประเทศไทย ไม่หวาดหวั่นพรั่นพรึงที่อาจถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี แสดงว่าท่านมิได้หลงใหลมัวเมาในอำนาจแต่อย่างใด
ที่ไหนได้ สดุดีไม่ทันข้ามวัน หมอธีกลับ “เสียหมอ” วิ่งโร่ชี้แจงนายกรัฐมนตรี พร้อมขอโทษ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยอมรับว่าพูดจริง (เพราะมีคลิป) แต่ไม่ใช่ให้สัมภาษณ์เป็นทางการ (ไม่ตั้งใจ) เป็นการยืนคุยกันหลังการบรรยาย โดยไม่รู้ตัวว่าถูกอัดเทป (ต้องโทษสื่อ) ยอมรับว่าตัวเองมีส่วนผิด เสียมารยาท แต่มั่นใจว่าไม่กระทบกับการทำงานร่วมกัน จะยังอยู่ต่อไป ไม่ลาออก เพราะเชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรี
นับเป็นความกล้าหาญ เป็นแบบอย่างให้นักเรียนและครูได้เหมือนกัน ตรงที่ท่านทำผิดแล้วยอมรับผิด ไม่อย่างหนา ยังหน้าบาง เพียงต้องอยู่ในเก้าอี้ต่อเพื่อทำงานให้ชาติบ้านเมืองเท่านั้นเอง (มิได้หลงมัวเมาในอำนาจแต่อย่างใด)
อย่าแปลกใจเลย หมอธีก็ยังอยู่ในสังคมไทยตามที่ท่านบรรยายให้นักเรียนไทยฟัง กลับมาแล้วต้องตระหนัก ต้องปรับตัวให้เข้ากับ “เผ่ากู” ให้ได้ ไม่งั้นไม่มีที่ยืนในประเทศนี้นะ จะบอกให้
หมอธีก็ไม่ต่างอะไรกับคนชั้นนำคนชั้นกลางระดับบนในสังคมไทย ที่เป็นกองหนุนรัฐบาล ซึ่งพากันโชว์ความสมถะซื่อสัตย์ อึดอัดฮึดฮัด “นาฬิกาเพื่อน” แต่สุดท้ายก็เคว้งคว้าง ชกลม ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่ต่างจากเอาหัวชนเรือดำน้ำ เรียกร้องอะไรไม่ได้ จะให้ พล.อ.ประวิตรลาออกเรอะ นายกฯ ก็ยืนยันชัดเจน อยู่คนเดียวไม่ได้ จะแตกหักกับรัฐบาลเรอะ ก็อาจทำให้ “ระบอบประยุทธ์” พัง แล้วจะอยู่กันอย่างไร เพราะท่านผู้นำขู่ไว้แล้ว จะเอาแบบท่าน หรือจะเอาแบบเดิม
ความจริงแบบเดิมไม่มีหรอก ที่บอกว่ามีเลือกตั้งแล้ว 2 พรรคใหญ่กลับมารบรากันวุ่นวาย รัฐธรรมนูญ 2560 บล็อกไว้หมดแล้ว เพียงแต่แบบใหม่ก็ยังไม่เห็นอนาคตเท่านั้นเอง
คนชั้นนำคนชั้นกลางระดับบนในสังคมไทย จึงอยู่ด้วยความกลัว กลัวอนาคต ที่ถูกจับเป็นตัวประกัน กลัวระบอบ คสช.พังแล้วจะแหลกเหลวกันไปหมด เพราะรัฐประหาร 4 ปีกดพลังทางสังคมที่กำลังจะเปลี่ยนแปลง หมดอำนาจกองทัพเมื่อไหร่คุมประเทศไม่อยู่
ดังนั้นผู้มีอำนาจจะทำอะไรก็เอาที่สบายใจ ไม่ต่างจากซื้อเรือดำน้ำ ม.44 รถไฟจีน ที่ได้แค่โวยวาย ความจำเป็นที่ยังต้องเป็นกองหนุน ทำให้พยายามมองหาอะไรดีๆ ที่เหลืออยู่ตั้งค่อนแก้ว แล้วก็พยายามทำใจเชื่อการบิดกระแส เช่น นาฬิกาเป็นแผนจ้องโค่นรัฐบาล ไอ้พวกม็อบที่ออกมาเรียกร้องเลือกตั้งเป็นพวกทักษิณ เห็นไหม ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ ไปโผล่เมืองจีนวันเดียวกันพอดี แถมมีแผนร้ายยั่วให้ลุงตู่โกรธ ทำลายความสัมพันธ์ไทย-จีน ไทย-ญี่ปุ่น
หน้าบางๆ โรยเครื่องเทศสักหน่อย แล้วก็ยอมรับกันไป