SNC เล็งทุ่ม 200 ลบ. ซื้อเครื่องจักรเพิ่มหวังดันกำไรปี 61 โต โบรกฯแนะ”ซื้อ” เป้า 16.30 บ.
SNC เล็งทุ่ม 200 ลบ. ซื้อเครื่องจักรเพิ่มหวังดันกำไรปี 61 โต โบรกฯแนะ"ซื้อ" เป้า 16.30 บ. พร้อมคาดธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะ จ.ยะลา เห็นความชัดเจนในปี 61
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์ บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNC หลังประกาศผลประกอบการงวดปี 2560 ออกมามีกำไรกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า
โดยราคาหุ้น SNC ปิดตลาดฯวานนี้ (15 ก.พ. 61) อยู่ที่ระดับ14.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 0.68% สูงสุดที่ระดับ 14.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 14.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 39.45 ล้านบาท
ด้าน นายสามิตต์ ผลิตกรรม รองประธานกรรมการบริหาร SNC เปิดเผยว่า ในปี 61 บริษัทคาดว่าจะมีกำไรสุทธิและรายได้จะไม่ต่ำกว่าในปี 60 เนื่องจากการผลิตมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ประกอบกับบริษัท เอสเอ็นซี ครีเอติวิตี้ แอนโทโลจี จำกัด (SCAN) มีผลขาดทุนลดลง ขณะที่ธุรกิจรับจ้างการผลิตประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้า และจำหน่ายชิ้นส่วนสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้ายังมองว่าจะทรงตัว แต่ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ยังมีทิศทางจะปรับตัวดีขึ้น จากบริษัทหันไปเน้นการส่งออกมากขึ้น และในปี 61 มีการวางแผนจะซื้อเครื่องจักรเข้ามาเพิ่ม ซึ่งคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทยังอยู่ระหว่างพิจารณาขายที่ดินโรงงานที่แหลมฉบัง จ.ชลบุรี เนื่องจากในปัจจุบันมีลูกค้ามาเช่าโรงงานที่แหลมฉบังแล้ว แต่ยังไม่เต็มพื้นที่ โดยมีวัตถุประสงค์การขายที่ดินดังกล่าวเพื่อนำเงินไปชำระเงินกู้ให้หมดและลงทุนธุรกิจใหม่ อีกทั้งในปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาธุรกิจใหม่ ซึ่งคาดจะเห็นความชัดเจนภายในปี 2561 ส่วนรูปแบบจะเป็นการร่วมกับพันธมิตรในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะมีผลตอบแทนการลงทุน (IRR) อยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 20%
นอกจากนี้ บริษัทยังมีความสนใจในธุรกิจพลังงานทดแทน โดยเบื้องต้นยังมองการลงทุนโรงไฟฟ้าขยะที่จังหวัดยะลา ขนาด 3 เมกะวัตต์ (MW) เนื่องจากมีการใช้ต้นทุนค่อนข้างต่ำ ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในไตรมาส 4/60
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า SCN ประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 4/60 มีกำไรสุทธิ 119 ล้านบาท เติบโต 57% จากปีก่อน และมากกว่าไตรมาสก่อนหน้าถึง 74% ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ โดยเป็นผลมาจาก SNC มีค่าใช้จ่ายในการบริหารต่ำกว่าคาด และมีโอนกลับภาษีจ่าย
ขณะที่ยอดขาย SNC ในช่วงไตรมาส 4/60 อยู่ที่ 1.58พันล้านบาท ลดลง 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลมาจากยอดขายลดลงจากคำสั่งซื้องานรับจ้างประกอบและงานอื่นๆ ลดลง ส่วนกลุ่มรถยนต์เพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการได้ผลิตโมเดลใหม่เพื่อส่งออก
ส่วนกลุ่มชิ้นส่วนเพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากราคาทองแดงเพิ่มขึ้น และปัญหาการผลิตที่ลดลงส่งผลให้ Marginเป็น 13.5%จาก 13.1%ในไตรมาส 3/60 อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงจากการควบคุมค่าใช้จ่ายและการปรับลดขนาดองค์กร
ขณะที่กลุ่มรับจ้างผลิตลดลง 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากคำสั่งซื้อลูกค้าลดลง ผลการย้ายโรงงานและปัญหาการผลิตส่งให้ marginเหลือ 11.8%จาก 12.7%และการปรับลดขนาดองค์กรและการควบคุมค่าใช้จ่ายส่งผลให้ค่าใช้จ่าย -8%อีกทั้งภาษีจ่ายลดลงจากภาษีรอตัดจ่าย
โดยขณะนี้ ทางฝ่ายปรับประมาณการขึ้นอีกครั้งจากการดำเนินงานที่ดีกว่าคาด โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น SNC ในราคาพื้นฐาน 16.30 บาท นอกจากนี้ SNC ยังประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับการดำเนินงานครึ่งปีหลัง 0.50 บาทต่อหุ้นคิด ซึ่งเป็นผลตอบแทนเงินปันผล 3.5%
ขณะที่ นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มปี 61 คาดรายได้ SNC ยังคงทรงตัวเนื่องจากมีลูกค้าบางรายย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น แต่บริษัทก็พยายามขยายตลาดชิ้นส่วนยายนต์ไปตลาดสหรัฐและญี่ปุ่นเพิ่ม และหาช่องทางในการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อหนุนให้มาร์จิ้นอยู่ในเกณฑ์ดี
ทั้งนี้ ทางฝ่ายประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นปี 61 ไว้ที่ 12.1% (ปี 60 ทำได้ 11.8%) และหากขายที่ดินแหลมฉบังจำนวน 48 ไร่ได้ ก็จะนำเงินไปชำระคืนหนี้ KBANK & SCB ที่มีประมาณ 850 ล้านบาท (ณ พ.ย.60) และขยายธุรกิจต่อไป ซึ่งบริษัทคาดว่าในปี 61 จะเห็นความชัดเจนเรื่องการลงทุนในโรงไฟฟ้าขยะที่ จ.ยะลา กำลังการผลิต 3 MW ใช้เงินลงทุน 150-200 ล้านบาท (ในประมาณการกำไรและราคาพื้นฐานยังไม่รวมโครงการโรงไฟฟ้า)