สัญญาณต่างชาติทิ้งหุ้น!
เดือนนี้เดือนเดียว ตั้งแต่ 1-15 ก.พ. ต่างชาติขายสุทธิไปแล้วทั้งสิ้น 33,968 ล้านบาท และถ้าเทียบตั้งแต่ 1 ม.ค.-15 ก.พ. 61 ต่างชาติขายสุทธิรวมทั้งสิ้น 39,668 ล้านบาท
ขี่พายุทะลุฟ้า : ชาญชัย สงวนวงค์
เดือนนี้เดือนเดียว ตั้งแต่ 1-15 ก.พ. ต่างชาติขายสุทธิไปแล้วทั้งสิ้น 33,968 ล้านบาท และถ้าเทียบตั้งแต่ 1 ม.ค.-15 ก.พ. 61 ต่างชาติขายสุทธิรวมทั้งสิ้น 39,668 ล้านบาท
ซึ่งก็มากกว่าปีที่แล้วทั้งปีซึ่งต่างชาติขายสุทธิไป 2 หมื่นกว่าล้านบาทเท่านั้น
ครับ ตลาดหุ้นในปีที่แล้วซึ่งให้ผลตอบแทนในราว 13% และทะลุขึ้นมาชนไฮเก่า 1,753 จุดที่เฝ้ารอมาได้ เป็นตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยลิควิดิตี้ หรือสภาพคล่องจาก “เงินท่วมโลก” เป็นด้านหลัก และอาจจะมีปัจจัยสนับสนุนจากโรดแมปที่จะให้มีการเลือกตั้งในเดือน พ.ย. 61 บ้าง
ส่วน “ปัจจัยพื้นฐาน” หรือ “ฟันดิเมนทัล” เศรษฐกิจไทย เป็นปัจจัยสนับสนุนน้อยมาก
ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทย แทบไม่มีการปรับเปลี่ยน แนวทางแก้ไขเศรษฐกิจ มุ่งเน้นแนวทาง “สร้างภาพ” มากกว่า ที่เห็นกันขึ้นหน้าขึ้นตา เห็นจะเป็น “การแจกเงิน”
ซึ่งก็แจกกันหนักยิ่งกว่า “ประชานิยมต้นตำรับ” ของทักษิณเสียอีก
แต่ก็ใช้วาทกรรมสร้างภาพที่ทำให้ดูแตกต่างเช่น “เศรษฐกิจประชารัฐ” หรือ “ประชาธิปไตยไทยนิยม” แต่เนื้อหาก็ดูจะหนีไม่พ้นการแจกเป็นพระเวสสันดรนั่นแหละ
“แนวร่วม” หายไปในเรื่องนี้ก็ไม่ใช่น้อย เพราะว่าแต่เขา ดันเป็นซะยิ่งกว่าอิเหนาเสียอีก
“ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก” หรือ EEC ก็พูดกันไปให้โก้อย่างนั้นแหละ แท้จริงแล้วก็คือ “อีสเทิร์น ซีบอร์ด” ภาค 2 นั่นแหละ เพราะก็ใช้โครงสร้างพื้นฐานและแฟซิลิตี้อันเดิมๆ แต่ดูจะกระจายตัวเปะปะมากกว่า
กำหนดเป็นพื้นที่โครงข่ายกว้างๆ 5 จังหวัด แทบจะไม่มีขอบเขตกำหนดที่ตั้งเช่นในนิคมอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ตามสีผังเมืองเลย เรียกว่าขอให้เป็นโครงการอยู่ใน 5 จังหวัด จะได้รับการส่งเสริมแบบสุดลิ่มทิ่มประตูหมด
โรงงานจะไปตั้งอยู่ตรงไหนก็ได้ โดยไม่มีข้อจำกัดทางผังเมือง เพราะมีคำสั่งมาตรา 44 ออกมายกเว้นไว้ให้แล้ว
โครงการแก้จนให้หมดสิ้นในปี 61 (เพราะรับปากไว้ปลายปี 2560) ผมก็ว่า ยังเป็นคำเขื่องอย่างไรดูชอบกล
คุณจะเอาคนราชการทั้งหมดไปตั้งเป็นทีมแก้จน ออกไปให้คำปรึกษาชาวบ้านทั่วประเทศ คิดหรือว่าคนที่ไม่มีความรู้เรื่องธุรกิจ หรือกระทั่งการเป็นเกษตรกรตัวจริง จะไปให้คำแนะนำอะไรชาวบ้านได้
เห็นว่าจะใช้งบ “ไทยนิยม” เป็น 1 แสนล้านบาท หวั่นว่าเงินจะหมดแทนคนจนจะหมดเสียล่ะมากกว่า
เกือบจะ 4 ปีแล้วนะ ที่เห็นแต่แนวทางแก้ไขเศรษฐกิจแบบฉาบฉวยอย่างนี้ ซึ่งเงินก็ไม่ไหลลงไปรากหญ้าเสียที เห็นแต่ “รวยกระจุก จนกระจาย” ยิ่งทุนใหญ่มากเท่าไหร่ ก็เบียดขับพวกทุนเล็ก ทุนกลาง และทุนขนาดย่อมเท่านั้น
ตลาดหุ้นที่ขับเคลื่อนไปด้วยสภาพคล่องเป็นปัจจัยหลัก ย่อมเปราะบางมาก เวลาทุนไหลออกจากตลาด สมควรต้องระมัดระวังและหมั่นสังเกตติดตามกันให้ดี
ผิดกับตลาดหุ้นที่ขับเคลื่อนไปด้วยปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งความเสี่ยงต่ำ ตลาดหุ้นอาจจะขึ้น-ลงไม่หวือหวามากนัก แต่ก็ให้ผลตอบแทนแน่นอน
เกือบ 4 ปีมานี้ ผมไม่เห็นว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวตรงไหน นอกจากนั้นก็ยังน่าเป็นห่วงว่า “อาจหลงทาง เสียเวลา” เท่ากับเผาผลาญเวลาเล่นไปฟรีๆ
ยิ่งโรดแมปเลือกตั้ง เป็นโรคเลื่อนเอาตามอำเภอใจ ก็ควรต้องระวังให้ดีกับภาวะเงินทุน ไหลออกจากตลาด