PJW ส่งซิกรายได้ปี 61 โต 10% เดินหน้าธุรกิจโมเดลเต็มสูบ
PJW ส่งซิกรายได้ปี 61 โต 10% เดินหน้าธุรกิจโมเดลเต็มสูบ เตรียมทุ่ม 420 ล้านบาท สร้างโรงงานในจีนทดแทนการเช่าเดิมรองรับการเติบโตในอนาคต
นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) หรือ PJW เปิดเผยว่า ในปี 61 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในภาพรวมเติบโต 8-10% โดยมีแรงหนุนจากการเติบโตของยอดขายนิวโมเดลของชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งในปี 60 อยู่ในช่วงออกผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรายการที่กำลังจะทยอยเป็นงานขายเพื่อเชิงพาณิชย์ในปี 61 อย่างไรก็ตาม เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 4 ส่งผลให้ผลประกอบการพลิกฟื้นกลับมามีกำไร
ส่วนโรงงานพ่นสีด้วยเทคโนโลยีชั้นนำและคุณภาพที่ดีส่งผลให้มีการทยอยปิดการขายได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะสามารถใช้กำลังการผลิตได้สูงขึ้นเป็น 60% ภายในปี 61 ซึ่งหากยอดขายเข้ามาต่อเนื่องตามแผนการขายที่วางไว้ คาดว่าบริษัทจะไม่ขาดทุนในส่วนงานโรงพ่นสีได้ในปี62 ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าอัตรากำไรขั้นต้นของปีนี้จะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา จากการบริหารต้นทุน และ utilize ต้นทุนคงที่ได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการหาซื้อที่ดินและสร้างโรงงานในจีนเพื่อทดแทนการเช่าเดิมและเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2561 เมื่อวันที่ 7 ก.พ.61 ได้มีมติอนุมัติกรอบการลงทุนที่ประเทศจีนวงเงินประมาณ 420 ล้านบาท ซึ่งเมื่อศึกษาและได้รายละเอียดชัดเจนแล้ว จะนำมาเสนอคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติการเข้าซื้อที่ดิน และสร้างโรงงานต่อไป
สำหรับผลประกอบการในภาพรวมของปี 60 ที่มีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม 33.96 ล้านบาท ลดลงจากปี 59 ที่มีกำไรสุทธิ 140.98 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักมาจากลูกค้ากลุ่มชิ้นส่วนพลาสติกที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์มียอดขายที่ลดลงเนื่องจากอยู่ระหว่างปลายโมเดลและกำลังจะมี Minor Change รวมถึง ไม่มีรายได้ค่าโมลด์และทูลลิ่งเหมือนปีก่อน ในส่วนงานโรงพ่นสียอดขายชะลอตัวช่วงปลายโมเดล และมีต้นทุนการ Develop ของงานนิวโมเดลตัวที่ทดแทนโมเดลเก่า
อีกทั้งในไตรมาส 3 ถึงต้นไตรมาส 4 บริษัทประสบภาวะขาดทุนจากความต้องการบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นลดลงกว่า 30% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี ส่งผลกระทบต่อสภาวะอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น นอกจากนี้ยอดขายบรรจุภัณฑ์นมและนมเปรี้ยวลดลงจากการส่งออกของลูกค้าที่ต่ำกว่าเป้าหมาย ซึ่งการที่ยอดขายบางส่วนงานลดลงกว่าเป้าหมายเนื่องมาจากสภาวะตลาดที่ไม่อำนวยดังกล่าว ในขณะที่บริษัทมีภาระต้นทุนคงที่ต่างๆ และค่าแรงงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานฝีมืออยู่ ทำให้กำไรต่ำกว่าเป้าหมายค่อนข้างมาก