ปราบโกงจริงหรา?

นิด้าโพลเผยประชาชนพอใจผลงานลุงตู่ ชูเด็ดขาด มีอุดมการณ์ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ฯลฯ อ้าว นี่เปลี่ยน ผอ.แล้วใช่ไหม จึงเผยแพร่โพลได้ โดยไม่ขัดแย้งกับอธิการบดี ควบ สนช.


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

นิด้าโพลเผยประชาชนพอใจผลงานลุงตู่ ชูเด็ดขาด มีอุดมการณ์ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ฯลฯ อ้าว นี่เปลี่ยน ผอ.แล้วใช่ไหม จึงเผยแพร่โพลได้ โดยไม่ขัดแย้งกับอธิการบดี ควบ สนช.

ไม่ยักเหมือนโพลหอการค้า ดันบอกว่าทุจริตคอร์รัปชันสูงขึ้น ทำนายกฯ ควันขึ้น จนเรียกไปถาม ทำโพลยังไง ใช้แต่ความรู้สึกไม่มีหลักฐาน เผยแพร่แล้วทำให้ประเทศชาติเสียหาย

อ้าว แล้วทีสำนักข่าวนิกเคอิของญี่ปุ่น เอากรณีนาฬิกาเพื่อน ยืมเงินเพื่อน ล่าเสือดำ ไปยำใหญ่ ไม่ทำให้ประเทศเสียหายหรือ ทำไมยังตื๊ออยู่ได้

ว่าตามหลักวิชา โพลก็ใช้ความรู้สึกทั้งนั้น แม้แต่ดัชนีคอร์รัปชันขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (TI) ก็มาจากการถามความคิดเห็น อย่าว่างั้นว่างี้ ที่ท่านใช้ ม.44 ย้ายข้าราชการ ย้ายนักการเมืองท้องถิ่น ก็ใช้ความเห็นทั้งสิ้น เพราะถ้ามีหลักฐานก็สามารถตั้งกรรมการสอบแล้วสั่งย้ายได้ตามระเบียบกฎหมาย

เรื่องทุจริตหรือไม่ มากน้อยแค่ไหน จึงอิงความรู้สึกสังคมเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งก็ขึ้นกับข้อมูลข่าวสาร กระแสวิพากษ์วิจารณ์ ว่าปิดกั้นหรือเปิดกว้างเพียงไร

รัฐบาลทหารยึดอำนาจ ท่ามกลางความเชื่อของสังคมว่านักการเมืองโกง สื่อส่วนใหญ่ องค์กรต้านทุจริต คนชั้นกลางในเมืองจึงสนับสนุนให้ใช้อำนาจเด็ดขาด ลัดกระบวนการยุติธรรม หรือใช้ความยุติธรรมสองมาตรฐาน

รัฐบาลมีจุดแข็งที่ภาพลักษณ์ผู้นำ เด็ดขาด สัตย์ซื่อสอนศีลธรรม สมถะไม่เช่าเหมาลำ มีนาฬิกาแพงแต่ไม่ใส่ ภริยาไม่สร้างฝาย ลูกไม่ตั้งบริษัทรับเหมาในค่ายทหาร ฯลฯ

ซึ่งสังคมไทยนิยมชมชอบ เพราะเชื่อตัวบุคคลมากกว่าระบอบ จนมองข้ามปัญหาหลายอย่าง เช่น ลืมไปว่าใครก็ตามที่เข้าสู่อำนาจ อยู่ในอำนาจ (และอยากสืบทอดอำนาจ) ต้องพึ่งผู้สนับสนุน พวกพ้อง พี่น้อง บริวาร ต้องสร้างฐานกำลังแม้ตัวเองไม่โกง ก็เลี่ยงไม่พ้นอุปถัมภ์ สมนาคุณ หรืออย่างน้อยก็ต้องลืมตาข้างหลับตาข้าง เปิดทางสะดวก

ที่สำคัญยังลืมไปว่าอำนาจเด็ดขาดสามารถมุบมิบการจัดสรรผลประโยชน์หมื่นล้านแสนล้าน โถ โครงการยักษ์อย่างนั้น มีคู่แข่งไม่กี่ราย ถ้าแบ่งเค้กลงตัวไม่มีใครโวยวายก็ตรวจสอบไม่ได้

ขณะที่ในภูมิภาค ซึ่งจัดสรรงบจำนวนมาก ทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งช่วยประชาชน ก็อยู่ใต้อำนาจมหาดไทย ข้าราชการ ทหาร กอ.รมน. “รัฐราชการเป็นใหญ่” ใครมีปัญหา ใครว่าไม่โปร่งใส ก็ไล่ไปร้องศูนย์ดำรงธรรม

ขอขำแป๊บ อย่างคดี “โกงเงินคนจน” นักศึกษาฝึกงานยื่นเรื่องร้องคสช. กับ ป.ป.ช.มาตั้งนาน ไม่มีความคืบหน้า จนต้องมาร้องสื่อ พอเป็นข่าวครึกโครมทุกฝ่ายก็มะรุมมะตุ้ม รัฐบาลก็สั่งย้ายปลัด รองปลัดพัฒนาสังคม (เก่งจัง ตัดไฟต้นลม รัฐบาลไม่เกี่ยว รัฐมนตรีอาโนเนะ โดนโกงใต้จมูก คล้ายๆ เงินทอนวัด)

ประเทศมีเสรีเมื่อไหร่ ลองไปถามชาวบ้านดูนะ เงินช่วยเหลือต่างๆ ได้เต็มไหม โครงการต่างๆ ที่ลงไป มีไอติมเหลือแค่ไหน นักการเมืองไม่ได้ดีเด่หรอก แต่ระบอบการเมืองยังมีฝ่ายค้าน มีคู่แข่ง มีกลไกให้ตีแผ่เปิดโปงมากมาย

รัฐบาลนี้อาจดูขึงขัง ในแง่เพิ่มกฎหมาย เพิ่มอำนาจ เพิ่มองค์กรปราบโกง แต่มุมกลับก็มีสองคม คือสร้างอำนาจที่น่าสะพรึงกลัว ถ้าเป็นเองก็ตรวจสอบยาก ถ้าบ้าจี้ก็บ่อนทำลายประสิทธิภาพ คนทำงานไม่กล้าตัดสินใจเพราะกลัวความผิด

เรื่องทุจริตเป็นปมที่รัฐบาลรู้ดีว่าอันตราย แต่อย่างที่เตือนไว้แต่ต้น อารมณ์ความรู้สึกของสังคมเป็นเรื่องใหญ่ อารมณ์สังคมไม่ต้องการใบเสร็จ ไม่รอคำวินิจฉัยทางกฎหมาย ถ้ามีความรู้สึกไม่เชื่อมั่นไม่เชื่อใจเมื่อไหร่ ก็จะ “ขาลง” ไปเรื่อยๆ ฉะนั้น อย่าให้มีกรณีซ้ำเติมอีกก็แล้วกัน

Back to top button