(วิชัย) ต้องรับผิดชอบ

หมอ วิชัย ถาวรวัฒนยงค์ หรือหมอเม้ง อดีตประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC ที่ปัจจุบันขาดคุณสมบัติไปแล้ว เคยกล่าวเอาไว้เมื่อช่วงกลางปี 2560 ในระหว่างที่ตระเวนแจ้งความและฟ้องร้องใครต่อใครดะไปหมด ในข้อหาหมิ่นประมาทว่า “ใครทำอะไรไว้เตรียมรับผิดชอบ !!! ขืนปล่อยผ่านจะได้ใจ ต้องจัดการให้หลาบจำเพราะจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิด แล้วยังสร้างความเสียหาย”


พลวัตปี 2018 : วิษณุ โชลิตกุล

หมอ วิชัย ถาวรวัฒนยงค์ หรือหมอเม้ง อดีตประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC ที่ปัจจุบันขาดคุณสมบัติไปแล้ว เคยกล่าวเอาไว้เมื่อช่วงกลางปี 2560 ในระหว่างที่ตระเวนแจ้งความและฟ้องร้องใครต่อใครดะไปหมด ในข้อหาหมิ่นประมาทว่า “ใครทำอะไรไว้เตรียมรับผิดชอบ !!! ขืนปล่อยผ่านจะได้ใจ ต้องจัดการให้หลาบจำเพราะจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิด แล้วยังสร้างความเสียหาย”

วันนี้ ไม่ทราบว่าหมอเม้ง เจ้าของสมญาที่นักลงทุนรู้จักกันดีว่า “ศรีธนญ(วิ)ชัย” ยังจำคำกล่าวของตนเองได้หรือไม่ เพราะข้อกล่าวหาเพิ่มเติมล่าสุดของ ก.ล.ต.นั้นพุ่งเป้าพฤติกรรมที่เป็นมากกว่าสมญานามหลายเท่าตัว

วันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา ก.ล.ต.ได้ออกประกาศกล่าวโทษอดีตกรรมการ IFEC กรณีกระทำทุจริตต่อหน้าที่ โดยผู้ตกเป็นเหยื่อข้อกล่าวหา คือ นายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์

การกล่าวโทษนายวิชัยในครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นการกล่าวโทษเพิ่มเติมจากกรณีเก่าที่ ก.ล.ต.เคยกล่าวโทษนายวิชัยในฐานะประธานกรรมการ IFEC ต่อ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ไปแล้ว เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2560 กรณีกระทำโดยทุจริตโดยแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้เพื่อตนเองหรือบุคคลอื่น โดยการใช้วิธีการลงคะแนนเลือกตั้งกรรมการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันเรื่องดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาตามกระบวนการยุติธรรม

รายละเอียดระบุว่ากรณี นายวิชัยในขณะที่ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ IFEC ไม่ดำเนินการให้บริษัทชี้แจงประเด็นที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสอบถามเมื่อต้นปี 2560 ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่า IFEC ผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน (B/E) จนเป็นเหตุให้หุ้น IFEC ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP ตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2560

ผลของการไม่ชี้แจงของนายวิชัย มีผลทำให้นายวิชัยได้ประโยชน์โดยตรง โดยหุ้น IFEC ที่นายวิชัยถือไว้และเป็นหลักประกันบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ประเภทมาร์จิ้น จำนวนรวมกว่า 57.46 ล้านหุ้น ไม่สามารถถูกบังคับขาย เมื่อราคาตกลงมาเกินระดับที่ต้องบังคับขาย จึงทำให้นายวิชัยยังคงสภาพการเป็นผู้ถือหุ้นของ IFEC และสามารถใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งกรรมการในการประชุมผู้ถือหุ้นจำนวน 3 ครั้งในปี 2560 เพื่อประโยชน์ต่อตนเอง

การกระทำดังกล่าว ก.ล.ต.เห็นว่า เป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนมาตรา 170 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นเหตุให้บริษัทได้รับความเสียหาย หรือทำให้ตนเองได้รับประโยชน์ตามมาตรา 89/7 และมาตรา 281/2 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว

ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษนายวิชัยต่อ ปอศ. เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

นายแพทย์วิชัย ถาวรวัฒนยงค์_IFEC

ผลลัพธ์อาจจะไม่ได้ทำให้นายวิชัยมีความผิดเพิ่มเติม เพราะการกล่าวโทษเมื่อเดือนกันยายน 2560 มีผลให้นายวิชัยขาดคุณสมบัติไปนานแล้ว … ครั้งนี้แค่ตอกย้ำว่าการกระทำความผิดของนายวิชัยนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเรื่องเดียว

ทั้งนี้การกล่าวโทษดังกล่าว ยังไม่ได้รวมกรณีอื่นๆ ที่มีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับเงินลงทุนของ IFEC ในโครงการพลังงานทดแทนและเรื่องร้องเรียนอื่นๆ ซึ่ง ก.ล.ต.กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำของบุคคลใดที่เกี่ยวข้องเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ก.ล.ต.จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สำหรับคำกล่าวโทษครั้งแรกของ ก.ล.ต.ต่อนายวิชัยเมื่อเดือนกันยายน 2560 มีข้อความระบุความผิดว่า นายวิชัยกระทำความผิดในระหว่างการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2560 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2560 และการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2560 “…ในฐานะประธานกรรมการและประธานที่ประชุมทั้ง 2 ครั้ง ได้ดำเนินการให้ที่ประชุมเลือกตั้งกรรมการบริษัททดแทนตำแหน่งที่ว่างโดยใช้วิธีการลงคะแนนเสียงแบบสะสม (cumulative voting) ทั้งที่รู้ว่าข้อบังคับของบริษัทมิได้กำหนดให้สามารถกระทำได้“เข้าข่าย”…เป็นการกระทำที่ตั้งใจกระทำผิดและได้รับประโยชน์จากผลการเลือกตั้งดังกล่าวซึ่งเข้าข่ายเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นเหตุให้บริษัทได้รับความเสียหาย หรือทำให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ตามมาตรา 89/7 และมาตรา 281/2 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ….”

ก.ล.ต.ระบุว่าการกระทำของนายวิชัยเป็นความผิดทางอาญา จึงส่งเรื่องต่อ ปอศ. เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เพราะ ก.ล.ต.ใช้อำนาจฟ้องเองแบบ “ชงเอง ตบเอง” ไม่ได้

ผลของคำกล่าวโทษครั้งนั้น ทำให้นายวิชัยมีคุณสมบัติต้องห้าม หรือขาดคุณสมบัติ ไม่สามารถเป็นกรรมการและผู้บริหารของ IFEC หรือบริษัทมหาชนจดทะเบียนที่ไหนได้อีก จนกว่าคดีจะถึงที่สุดคือ อัยการสั่งไม่ฟ้อง หรือ ศาลสั่งลงโทษเมื่อครบตามกระบวนการยุติธรรม

แม้คำกล่าวโทษของ ก.ล.ต. ถือเป็น “ไม้สุดท้าย” ที่ปิดตำนานคู่หูคู่โหด วิชัย-สิทธิชัย ที่เกี่ยวกับธุรกรรมหวือหวา (แต่นำไปสู่หายนะทางการเงิน) นาน 3 ปีไปได้ แม้จะปิดไม่ทั้งหมดก็ตาม

ตำนานฉาว นับตั้งแต่ปฏิบัติการเข้าซื้อกิจการขายและเช่าเครื่องถ่ายเอกสารของอดีตบริษัทเครือสหกรุ๊ปเมื่อปี 2557 คู่หูวิชัย-สิทธิชัย มีส่วนสร้างสีสันจากสตอรี่ หุ้นพลังงานทางเลือกกับราคาหุ้น IFEC อย่างหวือหวา โดยเฉพาะความแสบสันจากปฏิบัติการแอบขายหุ้นในมือแข่งกันทิ้งต่อเนื่องยาวนาน (ในลักษณะเข้าซื้อและขาย ทั้ง “ซื้อเช้า ขายบ่าย” หรือ “ซื้อบ่าย ขายเช้าพรุ่งนี้” สลับกันมาโดยตลอดปี 2558-2559) ระหว่างหมอวิชัย กับ เสี่ยอ๋า นายสิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จนเหลือถือหุ้นรายละต่ำกว่า 5% …

จนกระทั่งเสี่ยอ๋า ชิงตัดหน้าลาออกตัดช่องน้อยไปก่อนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2559 เป็นปรากฏการณ์ “คนเก่าขายทิ้ง คนใหม่ดอดเก็บ” ของหุ้น IFEC เป็นตำนานสั้นๆ..เพราะ เสี่ยอ๋า ได้ขายหุ้นของตัวเองและพวก ออกให้กลุ่มทุนใหม่มาแทน

ความชุลมุนวุ่นวายของสงครามแย่งชิงอำนาจในบอร์ดรูม ที่เต็มไปด้วยการใส่ความและเล่นเกมชักเย่อสารพัด ถูกนำมาใช้ต่อเนื่องอย่างพลิกแพลง และดำเนินไปท่ามกลางข่าวการเบี้ยวหนี้ตั๋วบี/อีและเงินกู้รูปแบบอื่นๆ เป็นวงเงินมากกว่า 8 พันล้านบาทกับบรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายแหล่ ที่ยังไม่มีทีท่าว่าใกล้จบ เพราะ IFEC ไม่ได้ส่งงบการเงินตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน

นายวิชัย หรือ หมอวิชัย หรือ ศรีธนญ(วิ)ชัย พูดถูกต้องที่ว่า ใครก่อกรรมอะไรไว้ ต้องรับผิดชอบ เพราะกรรมที่เขาก่อขึ้นกับ IFEC และคนอื่นๆ นั้น จนถึงปัจจุบันยังไม่มีคนรับผิดชอบเลย

Back to top button