มูลค่ายุติธรรมของ IFRS

งบงวดสิ้นสุดปี 2560 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยออกมาเกือบหมดแล้ว (ไม่นับบริษัทที่มีงบไม่ปกติเพราะโยงใยกับบริษัทต่างชาติที่เป็นแม่ หรือร่วมทุน และไม่นับงบบริษัทที่หัวดื้อที่เจตนาไม่เรียบร้อยบางราย) 


พลวัตปี 2018 : วิษณุ โชลิตกุล

งบงวดสิ้นสุดปี 2560 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยออกมาเกือบหมดแล้ว (ไม่นับบริษัทที่มีงบไม่ปกติเพราะโยงใยกับบริษัทต่างชาติที่เป็นแม่ หรือร่วมทุน และไม่นับงบบริษัทที่หัวดื้อที่เจตนาไม่เรียบร้อยบางราย) 

หากสังเกตให้ดี งบการเงินสิ้นงวดไตรมาสสุดท้ายและสิ้นสุดปี 2560 มีการเปลี่ยนแปลงเชิงลึกที่น่าสนใจพอสมควร คือ บางบริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นผิดปกติ บางบริษัท มีตัวเลขกำไรลดฮวบผิดปกติ หรือ ขาดทุนมากกว่าปกติ ทั้งที่ผลการดำเนินงานปกติแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกินคาดแต่อย่างใด แต่ตัวเลขกำไรขาดทุนทางบัญชีมีความผันผวนที่ไม่ธรรมดา

คำอธิบายถึงสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงตัวเลขที่ไม่ปกติของงบการเงินคือกำไรขาดทุนทางบัญชี (หรือกำไรขาดทุนพิเศษ หรือ กำไรขาดทุนทางบัญชี) กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของงบการเงิน มาจากช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการปรับใช้ระบบจากของเก่าคือ TFRS มาเป็นระบบบัญชีใหม่ที่เรียกว่า IFRS หรือมาตรฐานทางบัญชี 9 นั่นเอง

คำอธิบายดังกล่าวทำให้คำปลอบโยนของบรรดานักวิเคราะห์หุ้นสำนักต่างๆ ที่เคยบอกว่า ตลาดหุ้นมีความกังวลต่อการใช้เกณฑ์ IFRS9 มากเกินไปถึง 2 สาเหตุที่ยังจะไม่เกิดขึ้นคือ 1) ระบบบัญชีใหม่จะไม่มีผลบังคับใช้จนกว่าจะถึงปี 2562 2) ธุรกิจทั่วไปที่ไม่ใช่ธนาคาร และการเงิน จะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรฐานบัญชีใหม่มากนัก 

ถึงเวลาเข้าจริงๆ คำปลอบโยนทั้ง 2 ข้อข้างต้น ไม่มีความหมายอะไรเลย เพราะผู้ตรวจสอบบัญชีกลับมีมุมมองที่แตกต่างออกไปว่า แม้จะยังไม่ถึงเวลาบังคับใช้มาตรฐานระบบบันทึกบัญชีใหม่ แต่การเตรียมพร้อมล่วงหน้าเพื่อสร้างความคุ้นเคย ก็ถือว่าคุ้มค่า

นักลงทุนจึงได้เห็นความผันผวนของงบการเงินบริษัทจดทะเบียนที่เปลี่ยนไปจากเดิมชัดเจนขึ้น

ดังที่ทราบกันดี เกณฑ์หลักๆ ทั่วไป ของ IFRS ซึ่งคิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาความลักลั่นของระบบบัญชีในกรณีมีธุรกรรมข้ามประเทศ และมีบริษัทข้ามชาติจำนวนมากขึ้น จัดได้เป็น 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่ 

  1. การจัดประเภทลูกหนี้และสินเชื่อใหม่ (ความเสี่ยงนี้ถูกปิดด้วยการยึดเล่มทะเบียนรถ และ รถเป็นหลักประกัน) 
  2. การรับรู้การด้อยค่าทรัพย์สินและเงินลงทุนใหม่ (ตัวอย่างเช่น บริษัทลีสซิ่งรถมือสอง ย่อมมีโอกาสที่ราคารถจะตกลงไปมากกว่าปกติเทียบกับรถมือหนึ่ง หรือ เงินลงทุนในหุ้น เมื่อหุ้นบริษัทตกลงไป ก็ไม่ควรบันทึกในราคาต้นทุน แต่ต้องบันทึกในราคายุติธรรม)
  3. การป้องกันความเสี่ยงสินทรัพย์ทางการเงิน และเครื่องมือทางการเงิน (บริษัทที่ไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ซับซ้อนเหมือนสถาบันการเงิน หรือบริษัทโฮลดิ้ง เช่น พวกอนุพันธ์ตลาดปริวรรตเงินตรา ที่มีความเสี่ยงให้จำเป็นต้องตั้งสำรอง) 

การที่ผู้ตรวจบัญชี ทำการเข้มงวดในการใช้ระบบบันทึกบัญชีใหม่ แล้วส่งผลต่อตัวเลขทางการเงินโดยเฉพาะกำไรสุทธิและกำไรสุทธิต่อหุ้นอย่างกว้างขวาง ถือเป็นการฉายภาพให้เห็นมุมมองใหม่ที่เป็นบวกมากกว่าลบแน่นอน

บริษัทจดทะเบียน ที่เคยซ่อนความเน่าของฐานะทางการเงินในรูปเงินลงทุนที่มีผลขาดทุนเละเทะผ่านบริษัทย่อยที่เป็นทั้งบริษัทร่วมทุน หรือบริษัทกระดาษที่ถูกตั้งมาเพื่ออำพรางการผ่องถ่ายเงินจากบริษัทมหาชนเข้ากระเป๋าใครบางคน ก็จะถูกตีแผ่ความชั่วร้ายออกมา

บริษัทที่มีบริษัทย่อยมากมาย และล้วนแต่มีกำไรงดงามหรืออนาคตเติบโตชัดเจน ที่ตามปกติ ตลาดหุ้นมีกติกาให้บันทึกฐานะการเงินเป็นงบเฉพาะกิจการ (ไม่รู้จะอุตริเพราะกลัวหุ้นขึ้นมากหรืออย่างไร) ก็จะได้ปรากฏตัวเลขฐานะทางการเงินสวยงามกว่าที่นักวิเคราะห์คาดเดา

ตัวอย่างที่โดดเด่นแบบหลังสุด ก็คงต้องเอ่ยถึง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ที่มีบริษัทลูกทำกำไรงามมากมาย เดิมเคยราคาหุ้นต่ำเตี้ยกว่าราคาหุ้นบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC มาตลอดนับตั้งแต่เข้ามาจดทะเบียนในตลาด แต่ความโดดเด่นจากงบการเงินในระบบใหม่ที่ปิดไม่มิดในสิ้นปีนี้ ที่ทำให้มีกำไรสุทธิกลับมาเหนือ 100,000 ล้านบาทเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี และล่าสุดนักวิเคราะห์พากันปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย เป็นมากกว่า 630.00 บาทไปเรียบร้อย

ในทางกลับกัน บริษัทที่มีตัวเลขกำไรลดลงหรือขาดทุนเพิ่มขึ้นแบบแปลกๆ เพราะความเน่าเฟะที่เคยถูกอำพรางเอาไว้ถูกเปิดออกมาล่อนจ้อนมากขึ้น ไม่สามารถซ่อนไว้ได้ก็มีให้เห็นเกลื่อนกลาด แม้ว่าความเน่าเฟะดังกล่าวจะยังไม่ถูกเปิดออกมาจนถึงขั้นโปร่งใสไร้ราคี

ผลดีและผลเสียของระบบบันทึกบัญชีใหม่ IFRS หรือ IFRS9 ที่ทดลองใช้กันล่วงหน้าในงบสิ้นปี 2560 นี้ ยังจะมีเรื่องให้กล่าวถึงกันต่อไปอีกตลอดปีนี้ ซึ่งเป็นปกติธรรมดาของสิ่งใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยกัน

ราคาหุ้นบริษัทที่ถูกออกแบบให้มีโครงสร้างธุรกิจซับซ้อนเกินสมควร น่าจะได้รับผลลบมากกว่าบวกจากบรรยากาศแบบนี้

Back to top button