PTT ยักษ์นอกตะเกียง

ในนิยายอาหรับราตรี เรื่องของอะลาดิน กับยักษ์ในตะเกียงวิเศษ มีคำถามตามมาเสมอว่า เมื่อยักษ์ออกมาอยู่นอกตะเกียงแล้วไม่ยอมกลับเข้าไป อะลาดิน จะทำอย่างไร


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

ในนิยายอาหรับราตรี เรื่องของอะลาดิน กับยักษ์ในตะเกียงวิเศษ มีคำถามตามมาเสมอว่า เมื่อยักษ์ออกมาอยู่นอกตะเกียงแล้วไม่ยอมกลับเข้าไป อะลาดิน จะทำอย่างไร

คำถามนี้ กำลังจะเกิดขึ้นกับ หุ้นของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT บริษัทน้ำมันแห่งชาติโดยพฤตินัย หลังจากที่ นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ออกมาเปิดเผยมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้แตกพาร์จากราคาพาร์เดิม 10 บาท เป็นระดับ 1 บาท จากเดิม 10 บาท

ผลของการแตกพาร์ จะทำให้หลังจากดำเนินการจำนวนหุ้นของบริษัทจะปรับเพิ่มขึ้น 10 เท่า เป็น 28,562,996,250 หุ้น จากเดิม 2,856,299,625 หุ้น ส่วนทุนจดทะเบียนจะยังคงเดิมที่ 28,562,996,250 บาท โดยกำหนดขอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติในวันที่ 12 เม.ย. 2561

หากผ่านขั้นตอนนี้มาได้ ตำนานหน้าใหม่หลังจากผ่านช่วงเวลาและเส้นทางกว่า 16 ปีของ PTT ในฐานะบริษัทมหาชนจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย จะเริ่มต้นขึ้น….หลังจากได้ผ่านความตกระกำลำบากทั้งก่อนและระหว่างการเข้าเทรดช่วงแรก ตลอดจนถึงปัจจุบันที่เรียกว่าเป็นตำนานของการแปรรูปรัฐวิสาหกิจครั้งใหญ่สุดของประเทศ ที่เริ่มต้นด้วยการมีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ประมาณ 1 แสนล้านบาท มีขนาดใกล้เคียงกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในขณะนั้น และมีน้ำหนักในการคำนวณดัชนีประมาณ 6.5-7% ของหุ้นทั้งตลาด….และเผชิญกับการ “หลุดจอง” ต่ำกว่าราคาขาย IPO ที่ 35.00 บาทนานกว่า 1 ปี

วันนี้ มาร์เก็ตแคปปัจจุบันที่ใหญ่มากถึง 1.4 ล้านล้านบาทของ PTT ทำให้นักลงทุนขนาดใหญ่และสถาบันทุกราย ไม่สามารถละเว้นการถือหุ้นนี้ในพอร์ตของการลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้เลย แต่สำหรับรายย่อย การเข้าลงทุนถือหุ้น เปรียบได้กับ …………เห่าเครื่องบิน เพราะราคาหุ้นที่เหนือกว่าหุ้นละ 550.00 บาท ต้นทุนสูงเกินจะไขว่คว้า 

ราคาที่สูงลิ่ว แม้จะไม่แพง เพราะค่าพี/อีของหุ้น PTT ยังอยู่ที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ SET เพียงไม่ถึง 11.67 เท่า โดยมีมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นที่ 286.62 บาท ก็ถือว่ายังไม่น่าซื้ออยู่ดี

ตัวอย่างง่ายๆ คือ จะซื้อหุ้น 1 บอร์ดล็อต หรือ 100 หุ้นที่ราคาระดับ 500 บาท ต้องใช้เงิน 50,000 บาท แต่การแตกพาร์จะทำให้ราคาหุ้นลงมาระดับ 50 บาท ก็จะใช้เงินสดน้อยลง

ข้อเท็จจริงนี้ นายเทวินทร์ระบุว่า การที่ราคาหุ้น PTT สูงมีผลให้ล่าสุด ฟรีโฟลตของหุ้นที่เคยมากกว่า 16% ลดลงมาเหลือแค่ 4% ในช่วง 2-3 ปีนี้ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดีเท่าใดนัก

หาก PTT ได้รับอนุมัติแตกพาร์จากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ซึ่งไม่มีใครสูญเสียประโยชน์เลย…คาดว่าจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องหุ้น PTT ในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น เพราะจะเปิดโอกาสให้ได้รับแรงซื้อจากทางรายย่อยมากขึ้น….

ที่สำคัญ ราคาหุ้น มีโอกาสที่จะปรับเพิ่มขึ้นได้ดีต่อเนื่อง……อันนี้ นายเทวินทร์ไม่ได้พูด แต่นักลงทุนเข้าใจกันดี

ก็มันมีตัวอย่างเห็นๆ….ก่อนหน้าที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ที่เคยแตกพาร์เป็น 1 บาท จากเดิม 10 บาท ราคาหุ้นก่อนแตกพาร์อยู่แถวระดับ 40-42 บาท แต่ล่าสุด อยู่เหนือ 60 บาท จนเป็นปกติไปแล้ว

หลังวันที่ 12 เมษายนปีนี้ และคาดว่าจะเป็นปลายเดือนเมษายน จะได้เห็นราคาหุ้นใหม่ที่เทรดกันในพาร์ใหม่ของ PTT โลดแล่นในตลาด…จะโบยบินเป็น พานทองแท้ หรือ ร่วงลงเหวเหมือน ปอเต็กตึ๊ง”….เป็นอันรู้กัน

ที่น่าสนใจนอกเหนือจากการเทรดพาร์ใหม่ในปีนี้แล้ว สตอรี่ควบคู่กันที่รุกคืบหน้าไปเรื่อยๆ การปรับเปลี่ยนจากบริษัทกึ่งโฮลดิ้ง เป็นโฮลดิ้งเต็มตัว …ย่อมมีความหมายในเชิงการบริหารจัดการที่ล้ำลึกทีเดียว

ในยุคเริ่มแรกของการเป็นหุ้นจดทะเบียน PTT มี จุดขาย จากความได้เปรียบของ อำนาจเหนือตลาด ในการกำหนดกลไกราคาในธุรกิจน้ำมันและธุรกิจก๊าชธรรมชาติ โดยมีรายได้หลัก 66% มาจากกลุ่มธุรกิจน้ำมัน และ 31% มาจากธุรกิจก๊าชธรรมชาติ แต่อนาคตจะมีทิศทางที่เปลี่ยนไปมาก และมีสมดุลมากกว่าในอดีต

แผนการผลักดันให้ บริษัท ปตท.น้ำมัน และการค้าปลีก จำกัด (PTTOR) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการโอนสินทรัพย์) เพื่อจะยื่นไฟลิ่งในช่วงปลายปี 2561 และเข้าจดทะเบียนในปี 2562 หากทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทั้งหมดจะช่วยเพิ่มอัพไซด์ให้กับหุ้น PTT มากขึ้น

แม้จะไม่ต้องรอสตอรี่หนุนดังกล่าว ปี 2561 ก็ยังคงสวยงามต่อไป โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่า แนวโน้มงวดปี 2561 ของ PTT จะมีโอกาสทำกำไรสุทธิโตแข็งแกร่งต่อเนื่องจากงวดปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 1.35 แสนล้านบาท หลังจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในปี 2561 ยังคงมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง ขณะที่ราคาก๊าซยังอยู่ในเกณฑ์ดี

ล่าสุด รายงานของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ที่คาดว่า ความต้องการใช้น้ำมันจะยังคงขยายตัวต่อไปอีก 5 ปี แม้จะมีขีดจำกัดขาขึ้นจากเอกชนในสหรัฐฯ และชาติอื่นๆ เช่น แคนาดา บราซิล และนอร์เวย์ ที่สามารถจะปรับเพิ่มกำลังการผลิต และการส่งออกน้ำมัน จนสามารถรองรับอุปสงค์น้ำมันส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก อันเป็นผลพวงของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทั่วโลก ซึ่งจะยังสนับสนุนการใช้น้ำมันอย่างต่อเนื่องจนถึงปี ค.ศ. 2023 หรือ พ.ศ. 2566 ….เป็นข่าวดีโดยตรง

นอกจากนั้น ภาพรวมของธุรกิจบริษัทลูกในเครือยั้วเยี้ยยังเติบโตทั้งรายได้และกำไรต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนุนสำคัญ

การแตกพาร์ จะเป็นโอกาสเปิดช่องให้มาร์เก็ตแคปของ PTT เบ่งบานไม่หยุด…เว้นเสียแต่ไม่อยากจะเบ่งบานเสียเอง…

อิ อิ อิ

Back to top button