ขาดปัจจัยหนุนโมนิก้าและทีมงาน
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยมีอะไรน่าพิสมัยเหมือนก่อนหน้านี้ก็จริง แต่ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับแรกที่นักลงทุนกลุ่มก๊วนต่างๆ นึกถึงเป็นประจำ ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนยังไม่มีอะไรเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่สักเท่าไหร่ หุ้นบลูชิพบางตัวยังทำหน้าที่ประคองตลาดหุ้นได้ดี ส่วนหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กยังเป็นยาแก้ขัดสำหรับนักลงทุนประเภทกล้าได้กล้าเสียเหมือนเดิมนะจ๊ะ
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยมีอะไรน่าพิสมัยเหมือนก่อนหน้านี้ก็จริง แต่ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับแรกที่นักลงทุนกลุ่มก๊วนต่างๆ นึกถึงเป็นประจำ ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนยังไม่มีอะไรเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่สักเท่าไหร่ หุ้นบลูชิพบางตัวยังทำหน้าที่ประคองตลาดหุ้นได้ดี ส่วนหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กยังเป็นยาแก้ขัดสำหรับนักลงทุนประเภทกล้าได้กล้าเสียเหมือนเดิมนะจ๊ะ
*สิ่งที่ต้องคิดกันต่อมาก็คือ กลุ่มผู้บริหารฝั่ง ตลาดหลักทรัพย์ฯ กับ ก.ล.ต. มีแผนงานในการพัฒนาตลาดทุนไปในรูปแบบไหน? เพราะข่าวสารที่ “โมนิก้า” ได้รับจากปากของพรายกระซิบพูดไปในทำนองเดียวกันว่า “คลุมเครือ” เงื่อนไขที่ดีสุดสำหรับแมงเม่ายังไม่ถูกเปิดออกมา ส่วนฝ่ายหลังก็ถนัดแต่ไล่จับพวกพ่อมดหมอผี ซึ่งหลายคนหวังในใจว่า เลขาฯ คนใหม่จะเป็นคนที่มีหัวพัฒนานะค่ะ
*เนื่องจากนักลงทุนยุคนี้สมัยนี้ต้องการทางเลือกมากกว่าทางทางตัน เหตุผลบางอย่างเป็นที่รู้กันว่า บางเรื่องหน่วยงานของทางการก็ไม่กล้าแตะ จึงประวิงเวลาให้เรื่องราวต่างๆ ถูกลืมเลือนไปเองตามธรรมชาติ น่าเสียที่คนอย่าง “โมนิก้า” ชอบเก็บรายละเอียดของเรื่องบางเรื่องไว้เป็นอุทาหรณ์ จึงเข้าใจสัจธรรมในโลกของการลงทุนเป็นอย่างดีว่า “มันนี่เกม” มันหมายถึงอะไรเจ้าค่ะ
*ถึงกระนั้น “โมนิก้า” ยังคงยึดถือแนวทางการลงทุนทางด้าน “พื้นฐาน” กับ “เทคนิค” เป็นสรณะ จึงไม่ต้องกังวลใจว่า เดี๊ยนไม่มีแนวทางการลงทุนที่ชัดเจน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้พูดออกไปนั้น มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของตลาดหุ้นในช่วงนั้นมีประเด็นร้อนให้น่าติดตามเยอะขนาดไหน? ซึ่งเหมือนกับเหตุการณ์ในตอนนี้ เหลือหุ้นอยู่ไม่กี่ตัวที่น่าลงทุนในช่วงตลาดหุ้นผันผวนหรอกนะจ๊ะ
*ครั้งนี้นำทัพโดยหุ้นสื่อสาร THCOMกระชากขึ้นอย่างร้อนแรงตั้งแต่เปิดตลาด ก่อนจะมาปิดที่ 37.50 บาท บวกไป 1.00 บาท หรือขึ้นไป 2.74% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 487 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นผลพวงมาจากข่าวเรื่องยิงดาวเทียมดวงใหม่ แต่เผอิญบรรยากาศการลงทุนไม่เป็นใจสักเท่าไหร่ กองหนุนที่เหลือเลยเกิดอาการกล้าๆ กลัวๆ สถานการณ์ของหุ้นถึงดีไม่สุดไงล่ะค่ะ
*เหมือนกับในรายของ PLANB อาศัยขึ้นวันละนิดวันละหน่อย ตามประสาหุ้นที่มีกองทุนเข้ามาเก็บเป็นระยะ ล่าสุดวิ่งขึ้นมาปิดที่ 5.05 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 1.00% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.14 พันล้านบาท มันเป็นเรื่องที่เดี๊ยนเคยแนะนำให้แฟนคลับตามดูหุ้นตัวนี้มาพักใหญ่ๆ และสิ่งที่ต้องคิดถัดมาในครั้งนี้คือ หุ้นจะขึ้นไปยืนปิดเหนือ 5.20 บาทได้นานแค่ไหน เพราะรอบที่แล้วขึ้นมา “แตะปุ๊บ ลงปั๊บ” นะซี
*ส่วนตัวที่แรลลี่ยาวกลายเป็นหุ้นน้ำตาล BRRก่อนหน้านี้เคยพยายามทำมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ผลลัพธ์ไม่เป็นเหมือนที่ต้องการ แถมครั้งนั้นทำได้เต็มที่แค่ 10 บาท ต่อจากนั้นหุ้นรูดลงกองอยู่ที่ 8 บาท ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 13.00 บาท บวกไป 1.00 บาท หรือขึ้นไป 8.33% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 325 ล้านบาท บวกกับหุ้นวิ่งขึ้นมาติดในกระดาน most activeให้เห็นเป็นครั้งแรก แสดงว่า กำลังเป็นหุ้นเนื้อหอม แรงซื้อถึงได้หนาแน่นสุดๆ เจ้าค่ะ
*ทางด้านดาวเด่นอย่าง TIPCO กับTASCO เดี๊ยนถือเป็นทีเด็ดที่ต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด เหตุผลไม่มีอะไรมากมาย แค่พรายกระซิบป้องปากเม้าท์ให้ฟังว่า ปีนี้จะโตสุดๆ และอาจได้เห็นการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นอีกเท่าตัว แถมเตรียมจะออกเครื่องมือทางการเงินใหม่ๆ “โมนิก้า” ถือเป็นทีเด็ดที่แฟนคลับไม่ควรมองข้าม ล่าสุดตัวแม่วิ่งขึ้นมาปิดที่ 11.40 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 7.55% ส่วนตัวลูกขยับขึ้นมาปิดที่ 17.60 บาท บวกไป 1.30 บาท หรือขึ้นไป 7.98% เม้าท์ได้แค่ว่า ดีแบบนี้เล่นแซนด์วิสไปเลย..อิอิอิ
*ส่วนคนที่ชอบ“ของหนัก ของแรง” การขึ้นของหุ้นไม่มีเหตุผล อาศัยเพียงแต่ข่าวเม้าท์ในแวดวงคนกันเอง “โมนิก้า” ขอแนะนำให้เหลือบมองAJPตรรกะการขึ้นเที่ยวนี้ไม่มีอะไรแตกต่างจากรอบก่อนๆ มาร์เก็ตเมคเกอร์ยังทำหน้าที่ได้ดี กระแสความเชื่อในหมู่นักเล่นยังไปได้สวย ทำให้การเคาะแต่ละไม้ มีคนตามเข้ามากันเป็นพรวน ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 14.30 บาท บวกไป 0.70 บาท แถมเป็นการวิ่งขึ้นจากระดับ 6 บาท รวมเบ็ดเสร็จขึ้นได้เดือนกว่าๆ มีนัยทางการลงทุนมากน้อยแค่ไหน? ลองไปคิดกันเอาเองนะค่ะ
*เรื่องนี้ตรงกันข้ามกับกรณีของ EFORLไม่มีผิดเพี้ยน “โมนิก้า” ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มากความ แถมรายนี้มีอะไรที่เปิดเผยเยอะแยะไปหมด เดี๊ยนถึงไม่ค่อยกังวลใจสักเท่าไหร่ ล่าสุดเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1.30 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือขึ้นไป 3.17% ด้วยมูลค่า 261 ล้านบาท จนกลายเป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งของตลาด mai มันช่างเหมาะสำหรับคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวบริษัทนี้เสียจริงๆ…ไม่เชื่อลองถามคนที่ชื่อ “ธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์” ดูก็ได้นะจ๊ะ
*ป.ล.อาการดัชนีขึ้นๆ ลงๆ ในครั้งนี้มันเป็นผลมาจากตลาดหุ้นขาดปัจจัยหนุน ดัชนีถึงไม่สามารถทะลวงจุดสำคัญขึ้นไปได้ไงล่ะค่ะ