10 หุ้น mai พื้นฐานเด่น-กำไรโตแกร่ง! โชว์ 2 เดือนราคาพุ่งสวนตลาดฯเกิน 10%

10 หุ้น mai พื้นฐานเด่น-กำไรโตแกร่ง! โชว์ 2 เดือนราคาพุ่งสวนตลาดฯเกิน 10% นำโดย TVD,VCOM, BKD,JKN,CPR,ECF,BGT,TMW,JUBILE และ CHOW


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (mai) ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา โดยครั้งนี้ทำการสำรวจราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10 อันดับแรกมานำเสนอนำโดย TVD,VCOM, BKD,JKN,CPR,ECF,BGT,TMW,JUBILE และ CHOW โดยหุ้นสวนใหญ่ปรับตัวขึ้นแรงเกิน 10% และให้ผลตอบแทนสวนทิศทางดัชนีตลาดฯ mai ชัดเจน

โดยภาวะตลาดหุ้น mai ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาพบว่า ดัชนีปรับตัวลดลง 7.39% โดยเทียบตั้งแต่ดัชนียืนที่ระดับ 540.37 จุด (29 ธ.ค.60) ลดลง 39.93 จุด มายืนอยู่ที่ระดับ 500.44 จุด (28 ก.พ.61) โดยดัชนีปรับตัวลดลงเป็นผลมาจากตลาด mai แจ้งผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ปี 2560 มีกำไรสุทธิรวม 4,966 ล้านบาท ลดลง 13.54%

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณารายกลุ่มอุตสาหกรรมพบว่า ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมียอดขายเติบโต ซึ่งในจำนวนนี้มี 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่กำไรสุทธิรวมเติบโตขึ้นด้วย ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม,กลุ่มบริการและกลุ่มเทคโนโลยี

อย่างไรก็ตามการนำเสนอข้อมูลราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงไม่สามารถนำเสนอได้ครบทั้ง 10 ตัว ดังนั้นจึงขอเลือกนำเสนอข้อมูลให้นักลงทุนเพียง 5 อันดับแรกของตารางเท่านั้น

สำหรับอันดับ 1 บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 25.00% โดยราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.68 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 2.10 บาท (28 ก.พ.61) คาดนักลงทุนมั่นใจผลงานผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 และ 3 ของปี 60 แล้ว

อีกทั้งโชว์ยอดขายเดือน ธ.ค. 60 ทำสถิติสูงสุดในรอบปีที่ผ่านมา หนุนไตรมาส 4/60 ยอดขายพุ่งสูงสุดของปี และกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง นอกจากนี้บอร์ดเตรียมเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติออกวอร์แรนต์ 4 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ และล้างผลขาดทุนสะสมทำให้นักลงทุนเข้ามาไล่ราคาหุ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา

สำหรับทิศทางดำเนินธุรกิจปี 61 บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต 17% โดยมีองค์ประกอบจากกำลังซื้อของผู้บริโภคเข้าสู่ภาวะปกติ โดยจะรุกปูพรมใช้สื่อโฆษณาทางทีวีดิจิทัลเพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มศักยภาพของทุกช่องทางเพื่อรองรับผลของการโฆษณาไม่ว่าจะเป็น การขยายช่องทางค้าปลีก การเพิ่มเจ้าหน้าที่ Call Center ที่สำคัญช่องทาง Online ก็มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นนับตั้งแต่ใช้สื่อโฆษณาในรูปแบบใหม่ Brand TVD ก็สร้างการรับรู้และขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อ Traffic ที่เข้ามาในช่องทาง Online เพิ่มขึ้นถึงเกือบ 100% และการ Download mobile app ก็เพิ่มขึ้นถึง 70% เช่นกัน

 

อันดับ 2 บริษัท วินท์คอม เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ VCOM  ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 19.28% โดยราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 3.32 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 3.96 บาท (28 ก.พ.61) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นตามแผนธุรกิจออกมาโดดเด่นและผลประกอบการปี60 สดใส อีกทั้งบทวิเคราะห์แนะนำให้เข้าลงทุน

บริษัทรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 60 โต 34% มาที่ 54.33 ลบ. จากปีก่อนกำไร 40.61 ลบ. เนื่องจากรายได้ขาย-บริการพุ่ง พร้อมทั้งเตรียมปันผลจากงวดการดำเนินงานวันที่ 1 ก.ค. 60 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 60 และกำไรสะสม เป็นเงินสด 0.065 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 29 มี.ค.61 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 4 พ.ค.61

บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า  VCOM ([email protected]): หนึ่งในผู้นำธุรกิจด้าน IT Distributor และ IT Services โดดเด่นด้วย Barrier to Entry ที่สูง และมีมาร์จิ้นดีกว่าคู่แข่ง พร้อมด้วยฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ปี 60-61 คาดกำไรโตเฉลี่ยปีละ 32.7% หนุนด้วยแผน Digital Economy ที่หนุน Demand ด้าน IT และยอดสั่งซื้อสินค้าจากเมียนมาร์ที่คาดโตสดใส 

 

อันดับ 3 บริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด (มหาชน) หรือ BKD ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 15.71% โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 2.80 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 3.24 บาท (28ก.พ.61) คาดนักลงทุนเก็งกำไรแผนงานธุรกิจและผลประกอบการปี 2560 ออกมาโดดเด่น

โดยในช่วงดังกล่าว BKD ทุ่มงบ 760 ล้านบาทซื้อหุ้นบริษัทโกลด์ ชอร์ส จำกัด (GS)  ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาในพื้นที่บางส่วนจ.ภูเก็ตและจ.พังงา บางส่วน ทั้งทางตรงและทางอ้อมสัดส่วน 46%

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการยังมีมติให้บริษัทออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงหรือ PP จำนวนไม่เกิน 90 ล้านหุ้น ราคาขายหุ้นละ 3.30 บาท เพื่อเสนอขายให้กับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS จำนวน 72 ล้านหุ้น เพื่อหวังดึงเป็นพันธมิตรต่อยอดธุรกิจรับเหมาตกแต่งภายใน และเสนอขายนายสิวาชัย กลิ่นสุคนธ์ จำนวน 18 ล้านหุ้น

บริษัทรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 60 มีกำไรสุทธิจำนวนวน 332.37ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 253.44 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 321 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับผลกำไรสุทธิจำนวน 78.93 ล้านบาท เกิดจากกำไรจากการขายที่ดินจำนวน 367.24 ล้านบาท

 

อันดับ 4 บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.18% โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 14.10 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 16.10 บาท (28ก.พ.61) คาดนักลงทุนเก็งกำไรพื้นฐานธุรกิจโดดเด่นและผลงานปี 60 ออกมาดี

บริษัทรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 60 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 60 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 187.67 ล้านบาท เติบโต 14% จากปีก่อนมีกำไร 164.09 ล้านบาท หลังบริษัทมีรายได้ค่าสิทธิ์เท่ากับ 1.07 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 เท่ากับ 346.81 ล้านบาท หรือคิดเป็น 47.91% โดยมาจากการซื้อเพิ่มขึ้นของลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบธุรกิจสถานีโทรทัศน์ ทั้งระบบดิจิตอล รวมถึงระบบเคเบิลและระบบผ่านดาวเทียม

บริษัทคาดว่าในปีนี้จะมีรายได้รวมโต 20-25% มาที่ประมาณ 1.4 – 1.5 พันล้านบาท ปรับขึ้นมาจากเป้าหมายเดิมที่คาดไว้ 15% ซึ่งเป็นรายได้ที่สูงขึ้นจากปี 60 ที่มีรายได้รวม 1.2 พันล้านบาท และคาดว่ากำไรปีนี้ก็จะเติบโตตามรายได้ ทำให้ทั้งรายได้และกำไรในปีนี้จะทำสถิติสูงสุด

ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทมีจำนวนลูกค้ามากขึ้น และได้ปรับขึ้นราคาลิขสิทธิ์หนังตามเรทติ้งที่ปรับตัวสูงขึ้นของแต่ละช่องทีวีดิจิทัล รวมทั้งมีงานที่เซ็นสัญญาแล้วรอรับรู้รายได้กว่า 400 ล้านบาททั้งหมดในปีนี้

สำหรับลูกค้าหลักในส่วนที่เป็นทีวีดิจิทัล ได้แก่ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC ผู้บริหาร ไทยทีวีสีช่อง 3 ช่อง 33 HD ช่อง 28SD และช่อง 13 Family ที่เซ็นสัญญาซื้อลิขสิทธิ์ จำนวน 14 เรื่องจำนวน 800 ล้านบาท รับรู้รายได้ปีนี้ 500 ล้านบาท และอีก 300 ล้านบาทรับรู้ในปีหน้า

รวมทั้ง บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS ผู้บริหารช่อง 8 เซ็นสัญญาปีนี้ 10 เรื่องจำนวน 500 ล้านบาท และช่องไบรท์ทีวี เซ็นสัญญาละครจากฟิลิปปินส์ 40 เรื่อง จำนวน 150 ล้านบาท โดยงานของลูกค้าทั้ง 2 รายจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีจำนวนลูกค้าเกือบ 20 ราย นอกจากนี้บริษัทยังมีงานรอเซ็นสัญญาราว 1 พันล้านบาทกับทีวีดิจิทัลรายใหม่ 7 ช่อง คาดเซ็นสัญญาในไตรมาส 3/61 และจะรับรู้ในครึ่งหลังปี 61-ปี 63

นอกจากนี้ยังรุกตลาดต่างประเทศ ในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) มาเลเซีย บรูไน และอินโดนีเซีย โดยมีแผนไปโรดโชว์งานหนังนานาชาติที่ฮ่องกงและที่หังโจวในกลางปีนี้ และไปร่วมงานที่ฝรั่งเศสปลายปีนี้เพื่อหาคอนเท้นต์ใหม่ และขยายลูกค้าต่างประเทศ โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากการขายลิขสิทธิหนังในตลาดต่างประเทศราว 5% จากปีก่อนที่ยังไม่มีรายได้ในส่วนนี้

สำหรับสิทธิ Nation Broadcasting Company Universal (NBC) เพื่อผลิตคอนเท้นต์ ภายใต้แบรนด์ Consumer News and Business Channel (CNBC) ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมบุคคลากรเพื่อผลิตคอนเทนต์รายการข่าวให้แก่สถานีข่าวช่อง CNBC Thailand รวมถึงผลิตคอนเทนต์ภายใต้แบรนด์ CNBC ที่ได้รับลิขสิทธิจาก NBC ประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้จะผลิตรายการเพื่อออกอากาศในช่องJKN CNBC เบื้องต้นใช้งบลงทุน ประมาณ 125 ล้านบาท คาดเริ่มออกอากาศได้ภายในปี 62

ด้าน บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 16.80 บาทต่อหุ้น โดยมีมุมมองบวกต่อทิศทางธุรกิจของ JKN ในปี 2561 หลังคาดเม็ดเงินโฆษณาของดิจิตอลทีวีที่ฟื้นตัวจะทำให้ผู้ให้บริการดิจิตอลทีวี (มาร์จิ้นสูง) เริ่มกลับมาจัดหาคอนเทนท์ที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดคนดูมากขึ้น สอดคล้องกับความนิยมซีรี่ย์อินเดียในไทยที่ดีขึ้นมาก (สัดส่วนรายได้ 40% ของ JKN) หลังล่าสุด Rating ของซีรี่ย์ หนุมานสงครามมหาเทพ (ค่าโฆษณาราว 400,000 บาท/นาที) ที่ขายให้กับช่อง 8 ปรับขึ้นมาที่ 3.417 เป็นอันดับ 1 ของช่อง และเป็นอันดับ 4 ในช่วง Prime Time ทัดเทียบกับละครของช่อง 7 และช่อง 3

 

อันดับ 5 บริษัท ซีพีอาร์ โกมุ อินดัสเตรียล จำกัด (มหาชน) หรือ CPR ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.73 % โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 5.10 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 5.80 บาท (28 ก.พ.61)  คาดราคาหุ้นปรับตัวดีตามพื้นฐานบริษัทที่ทำกำไรโตต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2557 และผลการดำเนินงานปี 2560 มีกำไรสุทธิ 90.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนมีกำไร 82.93 ล้านบาท

สำหรับบริษัทผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนยาง และยางติดเหล็ก สำหรับใช้เป็นชิ้นส่วนประกอบของรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ โดยผลิตจากยางธรรมชาติและยางสังเคราะห์

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button