ก.ล.ต.ออกโรงป้องผถห. IFEC พร้อมเอาผิดบอร์ดฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่หากปล่อยปัญหายืดเยื้อ
ก.ล.ต.ออกโรงป้องผถห. IFEC เต็มกำลัง พร้อมเอาผิดบอร์ดฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่หากปล่อยปัญหายืดเยื้อ
นางสิริวิภา สุพรรณธเนศ ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. รับทราบความเดือดร้อนของผู้ถือหุ้นรายย่อยของ IFEC และที่ผ่านมา ก.ล.ต. ไม่ได้เพิกเฉยต่อปัญหาที่เกิดขึ้น และดำเนินการในหลายวิถีทางเพื่อจะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว
โดย ก.ล.ต. ได้เชิญกรรมการและผู้บริหาร รวมทั้งผู้ถือหุ้นเข้ามาหารือร่วมกัน แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร จึงทำให้ปัญหาที่ IFEC ไม่สามารถจัดประชุมผู้ถือหุ้นได้ยังคงยืดเยื้อจนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้เนื่องจาก IFEC เป็นบริษัทมหาชน การจัดประชุมผู้ถือหุ้นต้องดำเนินการภายใต้ขั้นตอนและวิธีการตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ภายใต้การกำกับดูแลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่ผ่านมามีประเด็นข้อกฎหมายที่ต้องตีความในหลายกรณี ซึ่ง ก.ล.ต.ได้ประสานงานกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ในปัจจุบันยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
โดย ก.ล.ต. เห็นว่า IFEC มีผู้ถือหุ้นจำนวนมาก การจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นโดยเร็วที่สุด ภายใต้ขั้นตอนและวิธีการที่ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นวิธีการที่ดีที่สุดในขณะนี้ เพื่อให้ผู้ถือหุ้นมีโอกาสเสนอชื่อและเลือกตั้งบุคคลที่ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เห็นว่ามีความเหมาะสมเข้ามาเป็นกรรมการ ทำหน้าที่บริหารกิจการ IFEC ต่อไป ซึ่ง ก.ล.ต. ได้มีหนังสือให้กรรมการ IFEC ชี้แจงแล้ว
ทั้งนี้หากกรรมการ IFEC ไม่ดำเนินการใดๆ ก.ล.ต. อาจพิจารณาว่ากรรมการ IFEC ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริต รวมทั้งไม่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทเป็นสำคัญ ตามมาตรา 89/7 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ
นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นของ IFEC สามารถใช้สิทธิตามมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัดฯ เพื่อขอให้กรรมการบริษัทจัดการประชุมผู้ถือหุ้นได้อีกทางหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาของ IFEC ในหลายทาง โดยในส่วนของการบังคับใช้กฎหมาย ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษกับอดีตกรรมการที่กระทำผิดตามกฎหมายไปแล้ว
สำหรับประเด็นในเรื่องข้อร้องเรียนอื่นที่เกี่ยวข้องกับโครงการลงทุนของ IFEC ทั้งในและต่างประเทศ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งต้องใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากพบว่ากรรมการหรือผู้บริหารทั้งในอดีตและปัจจุบันมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ก.ล.ต. จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งรัดโดยเร็วต่อไป