สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 23 มี.ค. 61


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 700 จุดเมื่อคืนนี้ (22 มี.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งให้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน วงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อการลงโทษจีนที่ได้ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสหรัฐ โดยข่าวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 724.42 จุด หรือ -2.93 ปิดที่ 23,957.89 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่วันที่ 8 ก.พ.ปีนี้ ส่วนดัชนี S&P500 ลดลง 68.24 จุด หรือ -2.52% ปิดที่ 2,643.69 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. และดัชนี Nasdaq ลดลง 178.61 จุด หรือ -2.43% ปิดที่ 7,166.68 จุด

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (22 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ดัชนี PMI ทั้งภาคผลิตและภาคบริการยูโรโซนชะลอตัวลงในเดือนมี.ค.

ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.6% ปิดที่ 369.15 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,100.08 จุด ร่วงลง 209.07 จุด หรือ -1.70% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,167.21 จุด ลดลง 72.53 จุด หรือ -1.38% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวัที่ 6,952.59 จุด ลดลง 86.38 จุด หรือ -1.23%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (22 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งให้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ หลังจากผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากอัตราค่าจ้างในอังกฤษปรับตัวสูงขึ้น

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,952.59 จุด ลดลง 86.38 จุด หรือ -1.23%

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งให้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนแล้วเมื่อวานนี้

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 5.9 ดอลลาร์ หรือ 0.45% ปิดที่ 1,327.4 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 3.2 เซนต์ หรือ 0.19% ปิดที่ 16.387 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 1.5 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่ 949.1 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 4.65 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 981.80 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ และจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นติดต่อกันสองวันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ การร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นนิวยอร์ก อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐนั้น ยังส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันซบเซาลงด้วย

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 87 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 64.30 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 56 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 68.91 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 มี.ค.) หลังจากไอเอชเอส มาร์กิต ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนชะลอตัวลงในเดือนมี.ค. ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งให้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน วงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ระดับ 1.2306 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2329 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.4109 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4136 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7711 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7760 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 105.63 เยน จากระดับ 106.12 เยน แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9506 ฟรังก์ จากระดับ 0.9504 ฟรังก์

Back to top button