เช็คหุ้นเด่นรับเต็มเศรษฐกิจฟื้นตัว

เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2561 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วงระหว่างวันสามารถเคลื่อนไหวในแดนบวกแต่ไปได้ไม่ไกลมากนัก แล้วที่สุดก็ปรับตัวลงมาปิด 1,798.55 จุด ลบไป 2.88 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.04 หมื่นล้านบาท


เส้นทางนักลงทุน

เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2561 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วงระหว่างวันสามารถเคลื่อนไหวในแดนบวกแต่ไปได้ไม่ไกลมากนัก แล้วที่สุดก็ปรับตัวลงมาปิด 1,798.55 จุด ลบไป 2.88 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.04 หมื่นล้านบาท

ถือว่าเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ เพราะยังเจอแรงกดดัน Sell on fact หลังผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐเป็นไปตามตลาดคาดการณ์ โดยมีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.50-1.75%

นอกจากนี้ที่ประชุมส่วนใหญ่ยังคงมีมติเห็นชอบให้ปรับอัตราดอกเบี้ยปีนี้ เพียง 3 ครั้ง โดยเฟดระบุว่าแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯได้แข็งขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาและคาดว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นในระยะถัดไป ทั้งนี้ทำให้มีการปรับคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจที่ระดับ 2.7% จากเดิมคาดไว้ที่ 2.5%

ด้านปัจจัยในประเทศตัวเลขส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ยังคงไปได้สวยเติบโตถึง 10.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และสูงกว่าตลาดคาดที่ 9.2% ขณะที่การนำเข้าเติบโต 16% จากงวดเดียวกันของปีก่อนใกล้เคียงตลาดคาด

สำหรับเชิงกลยุทธ์การลงทุนปัจจัยกดดันบรรยากาศการลงทุนจากเฟดผ่อนคลายลงไปทันทีจากเดิมที่ตลาดกังวลว่าอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งในปีนี้ประกอบกับเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ดี

ปรากฏการณ์ดังกล่าวคาดว่าหลังจากนี้จะได้เห็นการกลับมาเคลื่อนไหวที่ดีขึ้นของดัชนี แนะนำกลุ่มได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัว

  • กลุ่มค้าปลีก ได้แก่ (1) บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ราคาเป้าหมาย 90 บาท (2) บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 ราคาเป้าหมาย 20.50 บาท (3) บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO ราคาเป้าหมาย 15.50 บาท (4) บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL ราคาเป้าหมาย 17.30 บาท และ (5) บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ROBINS ราคาเป้าหมาย 78 บาท
  • กลุ่มยานยนต์ ได้แก่ (1) บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH ราคาเป้าหมาย 45 บาท (2) บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT ราคาเป้าหมาย 24.50 บาท (3) บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ STANLY ราคาเป้าหมาย 303 บาท ล่าสุด ส.อ.ท.เปิดเผยตัวเลขการส่งออกรถยนต์ ก.พ. 2561 เติบโตอีก 4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ด้วยหุ้นที่ปรากฏอยู่ข้างต้นคาดว่าได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัว ทางด้านบล.คันทรี่ กรุ๊ป ให้ AH และ CPALL เป็น Stock Pick ในกลุ่ม

สำหรับ AH (แนะนำ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสม 45 บาท) ปรับประมาณการรายได้และกำไรสุทธิปี 2561 ขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.6 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) และ 1.2 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) ตามลำดับโดยมองว่ารายได้ยังเติบโตได้ดีตามภาวะอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะเติบโตได้ประมาณ 1-2% รวมกับการควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวดที่หนุนกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 6.4% จาก 6.3% ในปี 2560 นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะมองหาการลงทุนเพิ่มเติมล่าสุดมีญี่ปุ่นเป็นเป้าหมายในการลงทุนถัดไป

ส่วน CPALL (แนะนำ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสม 90 บาท) คาดกำไรสุทธิปี 2561 เติบโต 17% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศจะหนุนการเติบโตของ SSSG ขณะที่การเข้าประชุมกับผู้บริหารยังคงได้ข้อมูลเชิงบวก กล่าวคือแผนกำหนดเปิดสาขายังคงเดิมคือไม่น้อยกว่าปีละ 700 สาขา เพื่อให้มีสาขาครบ 1.3 หมื่นสาขาในปี 2564 จากปัจจุบันมีอยู่ที่ 1.04 หมื่นสาขา และยังปรับปรุงแนวคิดให้บริการเดิมภายใต้ “อิ่มสะดวก” เป็น “ผู้ให้บริการ” ที่เน้นบริการอื่นๆ นอกเหนือด้านอาหารมากขึ้น

บริษัทที่นำเสนอเป็นตัวอย่างที่คาดว่าหากเศรษฐกิจฟื้นตัวก็จะก่อให้เกิดการบริโภคเพิ่มขึ้นซึ่งทำให้เกิดผลบวกต่อบริษัทดังกล่าวนั่นเอง!!

Back to top button