PSTC รับงาน”อีพีซี” โซลาร์ฯเวียดนาม 1พันลบ. พร้อมบุ๊ค “บิ๊กแก๊ส” เต็มปีดันกำไรแตะ 200 ลบ.

PSTC รับงาน "อีพีซี" โซลาร์ฯเวียดนาม 1 พันลบ. พร้อมบุ๊ค "บิ๊กแก๊ส" เต็มปีดันกำไรแตะ 200 ลบ.


นายพระนาย กังวาลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PSTC เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ทีวีดิจิทัลช่อง 19 และสถานีวิทยุกระจายเสียงกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) FM 102 MHz. ว่า บริษัทได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) เข้าร่วมลงทุนสำหรับโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน ขนาดกำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ (MW) กับพันธมิตรเวียดนาม Ninh Thuan Gelex Energy Company Limited ซึ่งบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม

โดยโครงการดังกล่าว ตั้งอยู่ในจังหวัดนิญถ่วน ซึ่งทาง PSTC จะเข้าลงทุนในราคาทุนที่สัดส่วนประมาณ 50% หรือคิดเป็นมูลค่าการลงทุนราว 150-180 ล้านบาท ขณะที่เงินทุนส่วนที่เหลือ บริษัทจะขอรับการสนับสนุนด้านหารเงินจากสถาบันการเงิน ซึ่งเบื้องต้นบริษัทมองผลตอบแทนการลงทุน (IRR) อยู่ที่ประมาณ 11-12%

นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการให้บริการด้านการออกแบบวิศวกรรมการจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์และการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม แบบครบวงจร (IntegratedEngineering, Procurement and Construction, Integrated EPC) ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้จากในส่วนนี้ประมาณ 1,400 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ได้ประมาณ 70-80%

ทั้งนี้งานดังกล่าวจะส่งผลให้บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2,000 ล้านบาท เมื่อรวมกับธุรกิจหลักอื่นๆ ของบริษัท โดยจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งหลังของปี เนื่องจากกำหนดการติดตั้งจะเริ่มในช่วงเดือนมิ.ย.เป็นต้นไป พร้อมวางแผนว่าจะดำเนินการติดตั้งให้เสร็จสิ้นภายในช่วงไตรมาส 1/62 เพื่อเตรียมความพร้อมในการขายไฟฟ้า

“เรื่องการทำสัญญาซื้อขายหุ้น คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน 1 เดือนหลังจากที่ได้มีการลงนามสัญญากัน ซึ่งได้มีการตกลงกับทางพันธมิตรว่าจะซื้อในราคาทุนกัน และโครงการดังกล่าวจะเริ่มติดตั้งในช่วงเดือน มิ.ย.61 แล้วเสร็จไม่เกิน มิ.ย.62 นอกจากนี้ ยังคาดหวังว่าในอนาคตจะมีโครงการของกลุ่มบริษัทในพื้นที่ใกล้เคียงกันนี้มีมากกว่า 100MW” นายพระนาย กล่าว

ขณะเดียวกัน ในปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ เนื่องจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ 1.ธุรกิจจัดการระบบไฟฟ้า ที่มีการเติบโต 20-25% 2. ธุรกิจโรงไฟฟ้าที่มีการขายไฟให้การไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันมีใบอนุญาตอยู่ที่ 70MW โดยปีที่ผ่านมาบริษัทรับรู้การขายไฟไปแล้ว 30MW และ 3.มาจากบริษัท บิ๊กแก๊ส เทคโนโลยี จำกัด (BGT) ซึ่งบริษัทเข้าไปซื้อหุ้น 51% ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทได้รับรู้ในส่วนของกำไรจาก BGT ในสัดส่วน 2 เดือน หลังจากเข้าไปซื้อหุ้นในบริษัท

โดยปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2561 เติบโตทั้งในส่วนของรายได้และกำไรมากขึ้นกว่าปีก่อน หลังจากมีการรับรู้ในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ต่อเนื่องมาจากปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังรับรู้รายได้ในส่วนของ BGT เต็มปีเป็นปีแรก โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจระบบไฟฟ้า 20-30% ธุรกิจโรงไฟฟ้า 40-50% และรายได้จาก BGT ประมาณ 30-40 %

 

ด้านแหล่งข่าวนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่า รายได้และกำไรสุทธิของ PSTC ในปี 2561 จะทำสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)

โดยในปีนี้ บริษัทฯ จะมีรายได้เพิ่มเข้ามาจากบริษัท บิ๊กแก๊ส ซึ่งบริษัทเข้าไปซื้อหุ้น 51% ในช่วงปลายปี 2560 ซึ่งจะรับรู้รายได้เต็มปีภายในปี 2561 ราว 2,000 ล้านบาท

นอกจากนี้โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินกำลังการผลิต 50MW ที่ประเทศเวียดนาม PSTC จะรับรู้รายได้จากการให้บริการด้านการออกแบบวิศวกรรมประมาณ 1.40 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 70% คิดเป็นรายได้ราว 900 ล้านบาท

ทั้งนี้เมื่อรวมรายได้ทั้งหมดกับรายได้ปกติจากโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ประมาณ 2 พันล้านบาท ส่งผลให้ในปีนี้บริษัทจะมีรายได้ราว 3.5-4 พันล้านบาท จากปี 2560 มีรายได้ 1.36 พันล้านบาท

โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 2561 จะอยู่ที่ 199 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 361% เมื่อเทียบกับปี 2560 ซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 43.21 ล้านบาท

ขณะที่ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า มีมุมมองเชิงบวกจากการที่ PSTC ขยายฐานการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในต่างประเทศเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนพื้นที่ดิน หรือ Solar Farm (ความเสี่ยงต่ำ) ขนาดกำลังการผลิต 50MW ที่จังหวัดนิญถ่วน ชายฝั่งตอนกลางใต้ของเวียดนาม ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวโด่งดัง (ดินแดนแห่งเกาะ) ที่ถูกขนาดนามว่า เป็นจังหวัดที่มีอากาศร้อนตลอดปีและมีแสงแดดที่ค่อนข้างแรง เหมาะสำหรับผลิตไฟฟ้าจาแสงอาทิตย์

โดยคาดเม็ดเงินลงทุนต่อ MW อยู่ที่ 30 ลบ. จากราคาขายไฟฟ้าราว 3.7 บาทต่อหน่วย สัดส่วนการถือหุ้นในโครงการนี้ 151% Net อัตราส่วนลงทุนของบริษัท เท่ากับ หนี้ 80% หรือ 612 ล้านบาท ต่อ ส่วนทุน 20% หรือ 153 ล้านบาท ซึ่ง PSTC มีศักยภาพในการลงทุน อิงจากงบปี 2560 พบว่าบริษัทมีเงินสดเหลืออยู่ 430 ล้านบาท และหลังจากลงทุนดังกล่าว IBD/E จะอยู่ที่เพียง 0.6 เท่า

อีกทั้งยังให้น้ำหนักในเรื่องที่ PSTC ได้งานรับเหมาก่อสร้าง (EPC) เป็นส่วนเพิ่มจากมีความเชี่ยวชาญในการผลิตและติดตั้งโครงการ Solar farm ซึ่งประเมินว่ามูลค่าโครงการทั้งหมดที่ 1.5 พันลบ. รับรู้รายได้ 12 เดือน คาด net margin ราว 3% โดยคาดเริ่มก่อสร้างในเดือนมิ.ย.18 แล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3/2562 จึงส่งผลให้ปริมาณ MW เพิ่มขึ้น สู่ 95.2 MW (เดิม 69.7 MW) หลังจากลงนามในโครงการนี้ ซึ่งเป็น Upside risk ต่อฐานกำไรปี 2562

ในเบื้องต้นประเมินมูลค่าบนสมมติฐาน PSTC ถือหุ้นในสัดส่วน 51% และอัตราขายไฟอยู่ที่ระดับ 3.7 บาทต่อหน่วย คาดเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ไตรมาส 3/2562 เป็นต้นไป 3.8-4.5% และยังคงคำแนะนำซื้อที่มูลค่าพื้นฐาน 1.32 บาท และคงประมาณการปี 2561-2563 คงเดิม

Back to top button