สังคมข่าวหุ้น
ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,724.98 จุด ปรับลดลง 40.26 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 9.3 หมื่นล้านบาท
นิวส์เวฟ
ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,724.98 จุด ปรับลดลง 40.26 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 9.3 หมื่นล้านบาท
* ขาเข้าซื้อสุทธิรายย่อยเดินหน้าลุยเก็บไม่มีหวั่น 7,517 ล้านบาท ตามด้วยต่างชาติ 204 ล้านบาท ส่วนฝั่งเทขายสุทธิบัญชีบริษัทหลักทรัพย์สาดกระจุย 3,862 ล้านบาท ต่อด้วยสถาบันที่จัดหนักพอกัน 3,859 ล้านบาท เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวันที่ทุกคนกระอักกันถ้วนหน้า เพราะพี่ SET เล่นดิ่งลงแบบไม่มีหยุด ทะลวงผ่านทุกแนวรับที่ประเมินกันไว้ เมื่อมาถึงจุดนี้กันแล้วหุ้นตัวไหนที่มีท่าทีไหลลงไม่เลิก ถึงเวลาต้อง CUT LOSS ก็ต้องกัดฟันตัดขายหุ้นทิ้งออกไป เพราะเจ็บน้อยยังไงก็ดีกว่าเจ็บหนัก
* แม้ตลาดแพนิคกันสุดๆ แต่เมื่อวาน BEM ยืนสู้ขาแข็งน่าดู ปรับลดลงไปเพียง 1.38% เท่านั้น เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดีและตุนสตอรี่หนุนหุ้นเพียบ แล้วในยามที่ตลาดกลับมาดีดตัวขึ้นแรง BEM เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่มักเด้งได้เร็วกว่าภาวะตลาดเสมอ ส่วนงบไตรมาสแรกมีแนวโน้มแข็งแกร่งเช่นกัน จะเติบโตได้ดีทั้งแบบเทียบรายไตรมาสหรือเทียบปีก่อน ด้วยแรงหนุนของจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยจากข้อมูลเบื้องต้น (ม.ค.-ก.พ.) เห็นว่า ฐาน Ridership เฉลี่ยของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเพิ่มขึ้นเกือบ 9% ส่วนขาธุรกิจทางด่วน มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 2% แถมล่าสุด โบรกฯ ให้ราคาเป้าหมายไว้ถึง 10 บาท อัพไซด์แน่น 40% เด่นทั้งพื้นฐานและอัพไซด์ เลยขอฝากไว้ให้ลองพิจารณากันดู
* อีกตัวเล็งไปที่หุ้นไซส์กลางอย่าง PRM เพราะล่าสุดปิดดีลเซ็นสัญญาเข้าซื้อหุ้น “บิ๊ก ซี” ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปทางทะเลรายใหญ่ มูลค่ารวม 2,900 ล้านบาท โดยจะดำเนินการซื้อหุ้นล็อตแรก 70% และจะทยอยซื้อเพิ่มอีก 30% ภายในระยะเวลา 3 ปี ดีลลงทุนครั้งนี้ถือว่าคุ้มสุดๆ เพราะนอกจากจะไม่ได้จ่ายเงินรวดเดียวทั้งก้อนแล้ว แต่ยังส่งผลให้ไซส์ธุรกิจของ PRM เติบโตแบบก้าวกระโดด
* เพราะหลังจากได้ “บิ๊ก ซี” มาครอบครอง จะส่งผลให้ปริมาณการขนส่งของลูกค้าเพิ่มขึ้นเกินเท่าตัว เช่น เชฟรอน เพิ่มเป็น 43% จากเดิม 15% เชลล์เพิ่มเป็น 64% จากเดิม 19% ไออาร์พีซีเพิ่มเป็น 52% จากเดิม 19% แล้วยังได้ลูกค้าใหม่อย่างบางจาก ด้วยสัดส่วน 37% ข้อมูลแค่นี้ก็น่าจะเห็นภาพชัดเจนแล้วว่า จะส่งผลบวกต่อ PRM มากมายขนาดไหน
* ขณะที่ผู้บริหารบริษัท “ชาญวิทย์ อนัคกุล” ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คาดทิศทางธุรกิจปี 2561 ทันทีว่า จะมีโอกาสทำรายได้โตทะลุเป้าหมาย 5 พันล้านบาท เพราะสามารถปิดดีลซื้อกิจการได้ตามเป้าหมาย และจะบุ๊ครายได้บิ๊ก ซี ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/2561 เป็นต้นไป รวมถึงภายในช่วงสิ้นปีนี้จะมีกองเรือเพิ่มเป็น 27 ลำ จากปัจจุบัน 14 ลำ ทำให้มีศักยภาพเข้ารับงานได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
* ส่งท้ายด้วยกรณีหุ้น TRUE ฝ่ากระดานเลือดมาปิดบวกสวนตลาดไปได้เล็กน้อย แต่ต้องขอเตือนนักลงทุนหน่อยว่า แม้จะมีปัจจัยบวกมากถึง 3 เรื่องหลัก 1.จ่อฟันกำไรพิเศษขายสินทรัพย์ให้ DIF ช่วงไตรมาส 2/2561 2.จับมือพันธมิตรสร้างเครือข่ายสายเคเบิลใต้น้ำ รองรับบริการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียเหนือ 3.ลุ้นภาครัฐออกมาตรการช่วยเหลือ แต่ด้วย TRUE เป็นหุ้นที่มีความเซนซิทีฟต่อประเด็นบวกหรือลบอย่างมาก สะท้อนได้จากช่วงเช้าวานนี้บวกแรงสวนตลาด 2-3% เพราะเล่นด้วยสตอรี่บวกตามที่กล่าวข้างต้น
* แต่เข้าสู่ช่วงบ่ายมีข่าวออกมาว่า ภาครัฐเลื่อนกำหนดหารือมาตรการช่วยเหลือ เพราะตัวแทน TDRI ไม่ว่างเข้าประชุม ทำให้ราคาหุ้น TRUE เปลี่ยนโฉมไหลลงแบบรวดเร็วทันที ขณะที่ฝั่ง TDRI เมื่อวานถึงแม้ไม่ว่างเข้าร่วมประชุมแต่ได้ให้สัมภาษณ์ออกมาช่วงเย็นวานนี้ว่า การทำธุรกิจย่อมมีความเสี่ยงเป็นเรื่องปกติ และโอเปอร์เรเตอร์ทั้ง 2 เจ้า (TRUE-ADVANC) ต่างรู้เงื่อนไขในการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตในการประมูลคลื่น บวกกับทั้งสองรายยังมีฐานะการเงินแกร่งไม่ได้มีปัญหาอะไร แล้วถ้าหากภาครัฐออกกฎระเบียบอะไรแล้วมาเปลี่ยนในภายหลัง อาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน ดังนั้น นิวส์เวฟจึงขอสรุปง่ายๆ สั้นๆ จากสิ่งที่ TDRI พูดในครั้งนี้ว่า “ไม่เห็นด้วยที่จะมีมาตรการช่วยเหลือนั่นแหละ” แค่นี้ก็คงจะเข้าใจแล้วนะว่า เป็นมุมมองบวกหรือลบต่อหุ้น *